ความสำเร็จ “ค่ายรถมิตซูบิชิ” ส่งออกรถยนต์ครบ 5 ล้านคัน

ค่ายผู้ผลิตรถยนต์มิตซูบิชิ ถือเป็นค่ายรถยนต์รายแรกในประเทศไทย ที่มียอดส่งออกรถยนต์สะสมรวม 5 ล้านคัน จากการเปิดประเดิมส่งออกรถยนต์นั่ง “แลนเซอร์ แชมป์” ไปยังตลาดแคนาดา และขยายการส่งออกไปยังตลาดอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง จนปัจจุบันได้ทำการผลิตรถส่งออกไปมากกว่า 120 ประเทศทั่วโลก
มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จัดพิธีฉลองเนื่องในโอกาสส่งออกรถยนต์สะสมรวม 5 ล้านคัน ณ ท่าเทียบเรือ NYK Terminal A1 ท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี ย้ำความสำเร็จของค่ายรถยนต์ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ในฐานะศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก นอกประเทศญี่ปุ่น
มร.เออิอิชิ โคอิโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การที่ประเทศไทยเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญแห่งอุตสาหกรรมยานยนต์ ช่วยผลักดันให้ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เติบโตขึ้นเป็นศูนย์กลางการผลิตเพื่อส่งออกที่สำคัญของเครือมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ทั้งในระดับภูมิภาค และระดับโลก โดยมีโรงงานประกอบรถยนต์ 3 แห่ง โรงงานผลิตเครื่องยนต์ 1 แห่ง โรงงานพ่นสี 1 แห่ง รวมถึงสนามทดสอบรถยนต์เพื่อส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาแห่งแรกของโลก ที่ตั้งอยู่นอกประ เทศญี่ปุ่น
อีกทั้งยังมีสถาบันการศึกษาและฝึกอบรมเพื่อพัฒนาทักษะพนักงาน และผู้จำหน่ายรถยนต์ มิตซูบิชิ ที่ครอบคลุมทั่วไทย ทั้งนี้ ศูนย์การผลิตรถยนต์ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ที่แหลมฉบัง เป็นศูนย์กลางการผลิตที่ใหญ่ที่สุดในโลก นอกประ เทศญี่ปุ่น ซึ่งส่งออกรถยนต์มิตซูบิชิจากไทยไปยังประเทศต่างๆ กว่า 120 ประเทศทั่วโลก โดยตลอดทั้งห่วงโซ่ คุณค่าการผลิตของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย มีการจ้างงานมากกว่า 400,000 ตำแหน่ง จึงนับเป็นฟันเฟืองที่สำคัญในการสร้างงานสร้างอาชีพให้แก่คนไทย เสริมรากฐานการเติบโต และร่วมพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย
ทั้งนี้ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส มีแผนที่จะลงทุนเพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง พร้อมพัฒนาผลิตภัณฑ์รถยนต์รุ่นใหม่เข้าสู่ตลาด เสริมประสิทธิภาพการผลิตรถยนต์ ตลอดจนยกระดับศูนย์ปฏิบัติการของบริษัท ให้มีการนำพลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานหมุนเวียนมาใช้
บริษัทยังมีเป้าหมายสำคัญในการพัฒนาเคียงคู่ไปพร้อมกับสังคมไทย ด้วยการสนับสนุนการลดคาร์บอนในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ และริเริ่มปูทางสู่ความยั่งยืนแห่งอนาคต ด้วยการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้า ด้วยเจตนารมณ์ที่ชัดเจน และแน่วแน่ ในการมุ่งสู่สังคมคาร์บอนเป็นกลาง
สำหรับมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เริ่มดำเนินธุรกิจในไทยในปี 2504 ปัจจุบัน 3 โรงงานผลิตในนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง ผลิตรถยนต์รวม 5 รุ่น ประกอบด้วย มิตซูบิชิ ไทรทัน, มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต, มิตซูบิชิ มิราจ, มิตซูบิชิ แอททราจ และมิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี มีกำลังการผลิตมากกว่า 400,000 คัน/ปี
“ตลอดระยะเวลากว่า 61 ปี ที่ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย มุ่งมั่นที่จะส่งเสริมการพัฒนาเพื่อการเติบโตของประเทศไทยผ่าน 7 แกนหลักสำคัญ ประกอบด้วย การลงทุน สิ่งแวดล้อม การถ่ายทอดเทคโนโลยี การช่วยเหลือสังคม การพัฒนาด้านทรัพยากรมนุษย์ การจ้างงาน และการส่งออก” มร.โคอิโตะ กล่าว
ขณะไทม์ไลน์ประวัติการส่งออกรถยนต์มิตซูบิชิ ในแต่ละช่วงเวลา จะประกอบไปด้วย ปี 2556 ส่งออกรถยนต์สะสมรวม 2 ล้านคัน, ปี 2559 ยอดสะสม 3 ล้านคัน และปี 2562 ยอดสะสมรวม 4 ล้านคัน ทั้งนี้ ในส่วนสถิติการส่งออกรถยนต์ในช่วงช่วงเดือนมกราคม 2562 ถึงเดือนตุลาคม 2565 ส่งออกไปยังประเทศออสเตรเลีย มากที่สุดเป็นอันดับ 1 ตามด้วย เยอรมนี สหรัฐอเมริกา เม็กซิโก ฟิลิปปินส์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อินโดนีเซีย เวียดนาม ชิลี และซาอุดีอาระเบีย โดยมีโมเดลสำคัญคือ รถปิกอัพ มิตซูบิชิ ไทรทัน ด้วยสัดส่วนมากกว่า 50% ของปริมาณการส่งออกทั้งหมด ตามด้วยมิตซูบิชิ มิราจ, มิตซูบิชิ แอททราจ และมิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต สำหรับรุ่นที่ส่งออกเป็นคันที่ 5 ล้าน คือ “มิตซูบิชิ ไทรทัน”
มร.โคอิโตะ ยังกล่าวอีกว่า ก้าวสำคัญของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ในวาระที่มียอดส่งออกรถยนต์สะสมรวม 5 ล้านคันครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งหลักชัยแห่งความสำเร็จ โดยก่อนหน้านี้ช่วงต้นปี 2565 บริษัทเปิดโรงงานพ่นสีระดับโลกแห่งใหม่ ซึ่งใช้นวัตกรรมด้านการพ่นสีด้วยเทคโนโลยีทันสมัย และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สะท้อนความมุ่งมั่นของบริษัท ในการยกระดับคุณภาพ และศักยภาพการผลิต เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่เพิ่มขึ้นของลูกค้าทั้งในตลาดรถยนต์ภายใน และต่างประเทศ
สำหรับพิธีฉลองในครั้งนี้ ได้รับเกียรติจาก นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมเป็นประธานในพิธี และกล่าวแสดงความยินดีต่อก้าวสำคัญของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ด้วยความร่วมมืออย่างสร้างสรรค์จากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน
ในฐานะที่ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เป็นหนึ่งในบริษัทรถยนต์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ซึ่งมีการส่งออกรถยนต์มากเป็นอันดับต้นๆ ความสำเร็จของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ในวันนี้ ถือเป็นความสำเร็จร่วมกันของประเทศไทย และประชาชนคนไทย นับเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ให้ขยายตัวอย่างต่อเนื่องในทุกมิติ ขยายผลสู่ความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจไทยในภาพรวม ผมขอบคุณในความมุ่งมั่นของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ที่พัฒนาธุรกิจอย่างไม่หยุดนิ่ง และเติบโตเคียงข้างสังคมไทยมาโดยตลอด” นายสุริยะ กล่าว