จอ…จ่อ…จ้อ…489 คำตอบสุดท้าย…ของ ความเป็น “รามอินทรา” พอเพียงและเพียงพอ

พรรคพวก “คนยานยนต์” ที่ “รามอินทรา” กริ๊งกร๊างคุยด้วยหลังจบงานบางกอก มอเตอร์โชว์ ทุกคนบอกด้วยอารมณ์เดียวกัน เหนื่อยสุดๆ ถ้าบอกไม่เหนื่อยละก้อ…น่าเป็นห่วงกว่า เพราะกว่า 3 ปีของการตกอยู่ในวังวนแห่งวิกฤตินั้น ต้องบอกทุนหายกำไรหดจริงๆ ไม่ว่าจะอยู่บ้านทำงานแบบ Work From Home หรือเข้าออฟฟิศ รายจ่ายยังคงมีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเงินเดือนหรือค่าใช้จ่ายอื่นๆ ยังคงต้องดำเนินแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่…รายรับนั้น แทบหาไม่เจอเลย ลองบวกลบคูณหารกันเอาเอง กว่า 3 ปี…เป็นรายจ่ายเท่าไหร่? แต่…ทุกค่ายทุกคนล้วนยังคงต้องดำเนินต่อไป เพื่อรอวันที่…ฟ้าใสวิกฤติหดหาย
วันนี้…สถานการณ์เพิ่งเปิด ฟ้าเริ่มสดใส แต่ละค่ายรถมีต้นทุนเก็บเกี่ยวมาจากงานมอเตอร์โชว์ แต่…ยังไม่ใช่คำตอบสุดท้ายว่า…จะประสบความสำเร็จได้มากน้อยเพียงใด และนั่นจะเป็นคำตอบสุดท้ายของ “เม็ดเงิน” ที่จะถูกหยิบยื่นมาให้สามารถใช้จ่ายได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ “รามอินทรา” อยากบอกพรรคพวก “คนสื่อ” ชีวิตวันนี้…เป็นเพียงจุดเริ่มต้นหลังวิกฤติ ที่ยังไม่ชัดเจนถึงคำตอบสุดท้ายว่าจะสามารถเก็บเกี่ยวจาก “คนบริษัท” มาเป็นต้นทุนได้จริงหรือไม่? ก้อ…ได้แต่เอาใจช่วยให้ “ทุกค่ายยานยนต์” สามารถพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส เก็บเกี่ยวยอดจองให้แปรเปลี่ยนเป็นยอดจริงได้มากที่สุด นั่นคือ…ความหวังที่น่าจะเห็นผลจริงๆในปีหน้า
“รามอินทรา” มองไปรอบๆตัววันนี้ ยอมรับวิถีชีวิตของตัวเองเปลี่ยนแปลงไป ความยินดีในลาภยศหมดไปนานแล้ว เพราะเพียงพอและพอเพียงแล้ว ชีวิตที่ไม่มีหนี้สิน แม้แต่สลึงเดียว ครอบครัวก้อ…โอเคที่สุดแล้ว ทุกคนมีเส้นทางของตัวเองชัดเจนและไม่ต้องเป็นห่วง ยิ่งตัวเอง…ยังมีงานเขียนยังมีที่ยืนในแวดวงคนสื่อยานยนต์ ประสบความสำเร็จเพียพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องโอ้อวดหรือโชว์ศักยภาพที่ไร้คุณภาพ ถ้าจำไม่ผิดช่วงวิกฤติ “รามอินทรา” แทบไม่ได้จับจ่ายใช้สอยอะไรมากนัก บางวันใช้จ่ายแค่ร้อยหรือสองร้อย ขับรถก็แค่จากบ้างมาออฟฟิศ แล้วก็กลับบ้าน พักผ่อน ไม่ต้องดิ้นรนอะไรมากนัก?
สุดท้าย… “รามอินทรา” รู้สึกมีความสุขมากกว่าวันวาน รู้สึกจับต้องได้ถึงความสำเร็จ ที่สร้างสมมาด้วยฝีมือ มิใช่ด้วยฝีปาก หรือการเอาใจ หรืออาศัยร่มเงาของใคร แถมยังยืนเป็นเสาหลักให้ทีมงานได้อย่างมั่นคงอีกด้วย ด้วยประการฉะนี้ ชีวิตความเป็น “รามอินทรา” คือบทสรุปของความสำเร็จ ความเพียงพอให้ชีวิตวันนี้ ไม่โอ้อวดไม่แอบอ้าง และไม่อาศัยเงาหรือชายคาใคร เพราะฉะนี้ “รามอินทรา” จึงมีความสุขในความสำเร็จที่เป็นตัวเองในวันนี้
วันนี้ “รามอินทรา” คือคำตอบสุดท้ายที่ชัดเจนยิ่ง
มากกว่าขอบคุณ
“รามอินทรา”
บ้านชินเขต
5 เมษายน 2566