‘ยามาฮ่า’ปลื้มยอดขายโต 5.8% พร้อมลุยตลาดครึ่งปีหลัง

“ไทยยามาฮ่ามอเตอร์” ยิ้มปลื้ม 6 เดือนแรกของปี 2565 ยอดจดทะเบียนเติบโตขึ้น 5.8% พร้อมเดินหน้าลุยตลาดรถจักรยานยนต์ครึ่งปีหลัง ตั้งเป้าหมายยอดขายสิ้นปีที่ 287,000 คัน เก็บส่วนแบ่งทางการตลาด 17.5%
มร.ทัตซึยะ โนซากิ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า เผยว่า “ในปีนี้เศรษฐกิจโลกโดยรวมกำลังฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิด-19 ยอดขายของบริษัทยามาฮ่ามอเตอร์ทั่วโลก ในไตรมาสแรกนั้น เติบโต 8.5% จากปีที่ผ่านมา เป็นผลมาจากยอดขายรถจักรยานยนต์ที่เพิ่มขึ้น นำโดยกลุ่มประเทศอาเซียนรวมถึงประเทศไทย อีกทั้งยอดขายผลิตภัณฑ์ทางน้ำที่แข็งแกร่งและการฟื้นตัวของธุรกิจอื่นๆ หลังการระบาดของโควิด-19”
มร.ทัตซึยะ เผยอีกว่า “สำหรับอุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ของประเทศไทยในช่วงครึ่งปีแรกนี้ ตลาดโดยรวมเติบโตขึ้น 4.1% จากปีที่แล้ว ในขณะที่ยามาฮ่าเติบโตขึ้น 6.2% ซึ่งถือได้ว่าเติบโตมากกว่าตลาดโดยรวม อย่างไรก็ตาม อย่างที่ทุกท่านทราบดี ในอุตสาหกรรมต่างๆ รวมทั้งรถจักรยานยนต์ ห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกประสบปัญหาการขาดแคลนชิป IC ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ต่อเนื่อง รวมทั้งความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนยิ่งทำให้สถานการณ์ในการค้าทั่วโลกมีความลำบากมากขึ้น
บริษัทไทยยามาฮ่ามอเตอร์ยังคงพยายามอย่างเต็มความสามารถ ร่วมกับสำนักงานใหญ่ในประเทศญี่ปุ่นและผู้ผลิตชิ้นส่วน เพื่อลดผลกระทบจากปัจจัยเหล่านั้นและฟื้นฟูการขาดแคลนของวัตถุดิบ และจัดสรรรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าไปยังผู้จำหน่ายเพื่อส่งมอบให้แก่ลูกค้าโดยเร็ว ในขณะเดียวกัน ยามาฮ่าเน้นย้ำถึงความสำคัญของคุณภาพผู้จำหน่าย รวมถึงการบริการหลังการขาย ซึ่งเชื่ออย่างยิ่งว่าสิ่งนี้มีบทบาทในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ยามาฮ่า และเพื่อสร้าง Lifetime Customers สำหรับโชว์รูมรูปแบบใหม่ ยามาฮ่ามุ่งหวังที่จะปรับปรุงคุณภาพ 3S ให้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้ลูกค้าทุกคนได้รับประสบการณ์ที่เหนือความคาดหมาย
ด้านนายพงศธร เอื้อมงคลชัย รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด กล่าวว่า “ในครึ่งปี 2565 ที่ผ่านมา ยอดจดทะเบียนรวมเพิ่มขึ้นถึง 1.3% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2562 ก่อนที่จะมีสถานการณ์โควิด-19 โดยในส่วนของยอดจดทะเบียนรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าของปี 2562 จาก 133,000 คัน เพิ่มเป็น 141,000 คัน มีตัวเลขเพิ่มขึ้นถึง 5.8% สำหรับการคาดการณ์ตัวเลขของตลาดรวมในปี 2565 เปรียบเทียบกับปี 2564 คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2% จากเดิม 1.610 ล้านคัน เป็น 1.642 ล้านคัน โดยเป้าหมายของยามาฮ่าในปีนี้ อยู่ที่ 287,000 คัน และมีเป้าหมายที่จะเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดเป็น 17.5%
สำหรับกลยุทธ์หลักในปีนี้ ยามาฮ่ายังคงให้ความสำคัญในเรื่องการสร้างแบรนด์ผ่านพันธกิจองค์กร KANDO CREATING COMPANY ผ่านแบรนด์สโลแกน Revs your Heart เร่งชีวิต ให้เร้าใจ และ 5 วิถีอันเป็นเอกลักษณ์ของยามาฮ่า ได้แก่ 1.) Innovation 2.) Excitement 3.) Confidence 4.) Emotion 5.) Ties ซึ่งจากผลการสำรวจคะแนนความแข็งแกร่งของแบรนด์ โดย Interbrand พบว่า คะแนนความแข็งแกร่งของแบรนด์ยามาฮ่าในปี 2561 จากเดิม 50.0 ในปี 2564 เพิ่มขึ้นเป็น 58.6 ซึ่งเกิดจากการทำการตลาดที่สร้างสรรค์อย่างต่อเนื่องของยามาฮ่า และการได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่งจากผู้จำหน่าย พันธมิตรทางธุรกิจ และลูกค้า
ในปีนี้ยามาฮ่ายังคงเสริมความแข็งแกร่งของแบรนด์อย่างต่อเนื่อง ผ่านผลิตภัณฑ์และกิจกรรม และไลฟ์สไตล์ที่ตอบโจทย์ลูกค้า ได้แก่ กิจกรรมการฉลองในวาระครบรอบ “Yamaha 67th Anniversary Safety มีสติ” เป็นการต่อยอดแคมเปญ Helmet Design Challenge “Safety มีสติ” ที่มีการประกวดไปในงานมอเตอร์โชว์ที่ผ่านมา และนำผลงานของผู้ชนะจากผู้ส่งผลงานกว่า 452 ผลงาน มาผลิตเป็นหมวกกันน็อก ลิมิเต็ด อิดิชั่น ลายพิเศษที่มีคุณค่า มีความหมาย และน่าสะสม จำนวน 6,700 ใบ มอบให้ฟรีสำหรับลูกค้าที่ซื้อรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าในเดือนกรกฎาคม และร่วมบริจาคเงินเข้ามูลนิธิรามาธิบดีฯ จำนวน 67 บาท ภายใต้กิจกรรม “Yamaha 67th Anniversary Safety มีสติ” ซึ่งได้รับความสนใจจากลูกค้าเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้แล้ว ยังได้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบใหม่ของศูนย์บริการและจำหน่าย โดยจะมีการปรับเปลี่ยนเป็นโชว์รูมรูปแบบใหม่กว่า 90 สาขาทั่วประเทศ เพื่อการสร้าง Customer Community สร้างความผูกพันของลูกค้าในแต่ละพื้นที่ เสริมสร้างสินค้าและกิจกรรมทางการตลาด และมุ่งเน้นการบริการหลังการขายในระดับพรีเมียมให้กับลูกค้าของยามาฮ่า
พร้อมกันนี้ยามาฮ่าได้มีการยกระดับและพัฒนาศูนย์บริการยามาฮ่าทั่วประเทศ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าด้วยมาตรฐาน PROCARE เพื่อให้ลูกค้าสามารถใช้บริการได้เต็มสมรรถนะ และยังได้รับคะแนนความพึงพอใจจากลูกค้าถึง 95% รวมถึงยังเป็นสร้างผลกำไรให้แก่ผู้จำหน่ายได้เป็นอย่างดีอีกด้วย