“สวิฟท์-เซเลริโอ” เน้นย้ำความคุ้มค่า นำทัพล่ายอดขายครึ่งปีหลัง

ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนกลยุทธ์ด้านความคุ้มค่าคุ้มราคา ภายใต้สมรรถนะการใช้งานที่โดดเด่นและตอบโจทย์ของรถแต่ละรุ่น หวังกระตุ้นยอดขายในช่วงครึ่งหลังของปี หลังภาพรวมทางเศรษฐกิจในครึ่งปีแรกไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ นำทัพโดย ซูซูกิ สวิฟท์ ที่ยังคงเป็นกำลังหลักของแบรนด์ พร้อมด้วย ซูซูกิ เซเลริโอ และ ซูซูกิ แครี่ ที่มีส่วนสำคัญในการสร้างการเติบโตให้กับซูซูกิ ในช่วงที่ผ่านมา
ภาพรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทย หลังผ่านครึ่งปีแรกต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ ด้วยยอดขายสะสมที่ลดลงเล็กน้อยจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลกระทบจากปัจจัยหลายๆ ด้าน ที่ส่งผลโดยตรงต่อภาพรวมทางเศรษฐกิจ สร้างความลังเลใจให้กับผู้บริโภคในการตัดสินใจซื้อหรือจับจ่ายใช้สอย หลายๆ ค่ายจึงปรับลดเป้ารวมทั้งเดินหน้าเสริมกลยุทธ์ กระตุ้นยอดขายในช่วงครึ่งปีหลัง
โดย ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) เป็นหนึ่งในค่ายผู้ผลิตที่มีความโดดเด่นในเรื่องของความคุ้มค่าคุ้มราคา จึงเป็นทางเลือกอันดับต้นๆ และยังคงได้รับความนิยมจากผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเติมแคมเปญพิเศษกระตุ้นการตัดสินใจ ส่งผลให้สามารถเดินหน้าเก็บเกี่ยวยอดขายได้ในระดับที่น่าพอใจ ในสภาวการณ์ปัจจุบัน
นายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เผยว่า “จากภาพรวมทางเศรษฐกิจที่ส่งผลโดยตรงต่อการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค ส่งผลให้ธุรกิจต่างๆ ได้รับผลกระทบและมีอัตราเติบโตต่ำกว่าที่หลายๆ ฝ่ายคาดการณ์ไว้ รวมถึงภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ด้วยเช่นกัน เนื่องด้วยการชะลอการตัดสินใจซื้อทั้งภาคธุรกิจและภาคประชาชน โดยมีเสถียรภาพทางการเมืองเป็นตัวแปรสำคัญ”
“อย่างไรก็ดีด้วยผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค ภายใต้ราคาที่จับต้องได้ ยังคงเป็นทิศทางในการทำตลาดของเราช่วงครึ่งปีหลัง ด้วยความโดดเด่นในเรื่องสมรรถนะที่แตกต่างกันไปของรถแต่ละรุ่นในไลน์อัปของเรา ยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่สร้างความแตกต่าง และสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ ย้ำชัดถึงบทบาทผู้นำรถยนต์ที่มีความคุ้มค่าคุ้มราคา ทั้งยังมีส่วนสำคัญในการสร้างงานสร้างอาชีพด้วยเช่นกัน”
โดยค่ายซูซูกิ เดินหน้าเก็บเกี่ยวยอดขายไปได้มากกว่า 8,000 คัน หลังผ่าน 7 เดือนแรกของปีนี้ นำทัพโดย ซูซูกิ สวิฟท์ ที่ยังคงได้รับความนิยมและครองสัดส่วนกว่าครึ่งของยอดดังกล่าว ขณะที่ ซูซูกิ แครี่ ยังคงเป็นทางเลือกอันดับต้นๆสำหรับผู้ประกอบการและสร้างยอดขายได้อย่างต่อเนื่องเช่นกัน รวมถึง ซูซูกิ เซเลริโอ และซูซูกิ เออร์ติก้า ที่มีส่วนสำคัญในการผลักดันยอดขายของซูซูกิ ในช่วงที่ผ่านมา
สำหรับ ซูซูกิ สวิฟท์ เป็นกำลังหลักและมีส่วนสำคัญต่อความเติบโตของแบรนด์ซูซูกิในตลาดประเทศไทย เนื่องด้วยดีไซน์ตัวรถที่เป็นเอกลักษณ์ มีความสวยงามและโดดเด่น ผสานสมรรถนะการขับขี่ที่เร้าใจ รวมถึงช่วงล่างที่ถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี มอบทั้งความสนุกเร้าใจและความปลอดภัยในการขับขี่ พร้อมกับสมรรถนะความประหยัดน้ำมันที่ยอดเยี่ยม ทั้งยังสามารถตกแต่งได้หลากหลาย ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในสไตล์ที่แตกต่างกันออกไป
ขณะที่ ซูซูกิ แครี่ เป็นทางเลือกของผู้ประกอบการ ไล่เลียงจากขนาดเล็กไปจนถึงเจ้าของธุรกิจขนาดใหญ่เลือกใช้ ภายใต้บทบาทที่แตกต่างกันไปในบทบาทของรถกระบะบรรทุกขนาดเล็ก ซึ่งเจ้าของธุรกิจขนาดย่อม นิยมที่จะนำมาตกแต่งเพื่อใช้เป็นร้านค้าเคลื่อนที่ ทั้งยังเป็นได้มากกว่าฟู้ดทรัค ที่เคยสร้างกระแสฟีเวอร์ในช่วงหลายปีก่อนหน้านี้ ในขณะที่เจ้าของธุรกิจขนาดใหญ่ ก็เลือกใช้ ซูซูกิ แครี่ เพื่อการขนส่ง ด้วยความคล่องตัวบวกกับความสามารถในการบรรทุก
ส่วน ซูซูกิ เซเลริโอ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของผู้บริโภคอันดับต้นๆ ในยุคนิวนอร์ม ด้วยความคุ้มค่าคุ้มราคาและตอบโจทย์การใช้งาน ส่งผลให้ฐานลูกค้าในปัจจุบันไม่ใช่เพียงแค่วัยรุ่นและวัยทำงานรุ่นใหม่ ทว่าสามารถสวมบทบาทรถครอบครัว ด้วยสมรรถนะการใช้งานที่คุ้มค่า คุ้มราคา ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดเด่นของยานยนต์ค่ายซูซูกิ ส่งผลให้ได้รับความสนใจจากผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง
ด้าน ซูซูกิ เออร์ติก้า สมาร์ท ไฮบริด เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ของซูซูกิที่ผู้บริโภคทั่วประเทศมอบความไว้วางใจในการใช้งาน นอกจากการเป็นรถอเนกประสงค์ขนาด 7 ที่นั่ง ที่มอบความคุ้มค่าผ่านการใช้งานในทุกพื้นที่ใช้สอย ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และกิจกรรมในรูปแบบต่างๆ แล้วนั้น จุดเด่นสำคัญของรถรุ่นนี้คือ การดูแลรักษาง่าย และค่าใช้จ่ายไม่สูงมาก ทั้งยังได้ชื่อว่าเป็นรถที่มีความทนทาน ใช้งานได้อย่างมั่นใจ เหมาะกับสภาพถนนและสภาพแวดล้อมในบ้านเราได้เป็นอย่างดี
“เรายังคงชูความโดดเด่นของรถแต่ละรุ่น พร้อมนำเสนอสมรรถนะการใช้งานที่ตอบโจทย์ และยังคงไว้ซึ่งความคุ้มค่าคุ้มราคาที่เป็นกลยุทธ์และจุดแข็งของเรา จากผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและได้รับความเชื่อมั่น สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ครบทุกความต้องการ ไปจนถึงความมุ่งมั่นในการยกระดับงานบริการให้ดียิ่งขึ้นเพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้า จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันยอดขายของเราในช่วงครึ่งปีหลัง” นายวัลลภ ทิ้งท้าย