“เบนซ์” ชู “GLA” โดดเด่น 2.58 ล้าน เปิดตลาดพรีเมียมคอมแพ็คเอสยูวี
ค่ายเมอร์เซเดส สร้างความคึกคักให้กับตลาดรถหรูตั้งแต่ต้นปี ด้วย The new GLA 200 AMG Dynamic ยกระดับการใช้งานด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัยที่ครบครัน โดดเด่นด้วยรูปโฉมสไตล์สปอร์ตพรีเมียมทั้งภายนอกและภายใน ชูสมรรถนะการใช้งานที่ยอดเยี่ยม ตอบสนองการขับขี่ทั้งในรูปแบบออนโรดและออฟโรด เขย่าตลาดพรีเมียมคอมแพ็คเอสยูวี ภายใต้ราคาจำหน่าย 2,580,000 บาท
บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย จำกัด ขยับตัวรับต้นปีด้วย GLA 200 AMG Dynamic คอมแพ็คเอสยูวียอดนิยม ที่ยกระดับการใช้งานด้วยเทคโนโลยีและระบบความปลอดภัยที่ล้ำสมัย มาพร้อมรูปร่างหน้าตาที่ได้รับการปรับโฉมทั้งภายนอกและภายใน ชูความโดดเด่นในสไตล์พรีเมียมเอสยูวี ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย สร้างความคึกคักให้กับตลาด ช่วงชิงยอดขายตั้งแต่ต้นปี
สำหรับ The new GLA โดดเด่นด้วยกระจังหน้า Diamond radiator grille พร้อมด้วยโลโกดาวสามแฉกขนาดใหญ่ยกระดับความสปอร์ตด้วยชุดตกแต่งแบบ AMG bodystyling เสริมด้วยอุปกรณ์กันกระแทก โครงหลังคาแบบ aluminium มาพร้อมล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ต AMG แบบ 5 ก้านคู่ ขนาด 19 นิ้ว พร้อม Sports brake ระบบช่วงล่าง Comfort suspension แบบ ride-height lowering รวมถึงระบบเปิด-ปิดฝากระโปรงท้ายอัตโนมัติ ระบบกุญแจแบบ KEYLESS-GO และหลังคาพาโนรามิคซันรูฟ เลื่อนเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า
ตอกย้ำความอเนกประสงค์ด้วยด้วยมิติตัวถังขนาดความยาว 4,436 มม. ความกว้าง 1,849 มม. ความสูง 1,605 มม. พร้อมพื้นที่บรรทุกสัมภาระที่สามารถปรับเปลี่ยนเพื่อรองรับการใช้งานด้วยความจุมากถึง 435-1,430 ลิตร เสริมความปลอดภัยด้วยระบบไฟหน้าแบบ LED High Performance และระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Adaptive Highbeam Assist) ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยระหว่างการขับขี่ในช่วงเวลากลางคืนอย่างมีประสิทธิภาพ
ภายในห้องโดยสารตกแต่งแบบ AMG Line Interior ผสานความหรูหรา ดุดัน มาพร้อมพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันดีไซน์ใหม่สไตล์สปอร์ตหุ้มหนัง Nappa สอดรับด้วยแผงหน้าปัดแดชบอร์ดแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ All-digital instrument display เชื่อมต่อกับหน้าจอแสดงผลบริเวณคอนโซลกลางขนาด 10.25 นิ้ว เพิ่มความสะดวกสบายด้วยเบาะนั่งแบบ Sport seats หุ้มหนัง ARTICO สลับกับ MICROCUT microfibre สีดำ ตกแต่งด้วยด้ายสีแดง
โดยเบาะนั่งคู่หน้าปรับระดับด้วยไฟฟ้า พร้อมหน่วยบันทึกความจำสำหรับตำแหน่งที่นั่ง และระบบดันหลัง 4 ทิศทาง เติมเต็มการใช้งานด้วยระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ THERMOTRONIC ใหม่ แบบ 2 โซน ระบบชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สายสำหรับที่นั่งด้านหน้า ทั้งยังสามารถปรับรูปแบบการขับขี่ DYNAMIC SELECT (Eco, Comfort, Sport และ Individual) เลือกได้ตามความเหมาะสม เพื่อเพิ่มสุนทรียภาพในการขับขี่ พร้อมฟังก์ชันอำนวยความสะดวกที่ครบครัน
มาพร้อมระบบปฏิบัติการมัลติมีเดียใหม่ล่าสุดแบบ MBUX7 และฟังก์ชันเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือระบบปฏิบัติการ iOS และ Android (Apple Carplay™ & Android Auto™) สามารถเชื่อมต่อความบันเทิงมาสู่ห้องโดยสารอย่างไร้รอยต่อ รองรับการสั่งซื้อแอปพลิเคชันสำหรับรายงานสภาพการจราจรแบบออนไลน์ Live Traffic Information ติดตั้งอุปกรณ์สื่อสารด้วยสัญญาณ LTE สำหรับบริการ Mercedes me connect รวมถึงไฟเรืองแสงล้อมรอบห้องโดยสารสามารถปรับได้กว่า 64 เฉด
ตอบสนองการใช้งานด้วยเครื่องยนต์เบนซินแบบ 4 สูบแถวเรียง รหัส M282 ขนาด 1,332 ซี.ซี. เทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ รองรับน้ำมัน E85 รีดพละกำลังสูงสุด 163 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที สร้างแรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตรที่ 1,620-4,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติเดินหน้า 7 จังหวะ (7G-DCT) เร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายในเวลา 8.7 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 210 กิโลเมตร/ชั่วโมง
จัดเต็มด้วยเทคโนโลยีและระบบความปลอดภัยที่ครบครันตามมาตรฐานของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ไล่เลียงจากถุงลมนิรภัยด้านหน้าและด้านข้างอย่างละ 2 ตำแหน่ง และม่านถุงลมนิรภัยด้านข้างป้องกันศีรษะ 4 ตำแหน่ง สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร พร้อมด้วยระบบความปลอดภัย อาทิ ระบบขอความช่วยเหลืออัตโนมัติเมื่อเกิดอุบัติเหตุ โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ESP®, ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS, ระบบเบรก ADAPTIVE BRAKE พร้อมฟังก์ชัน HOLD และ Hill-Start Assist
รวมถึงระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (ATTENTION ASSIST), ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา (Blind Spot Assist), ระบบช่วยการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ (Active Parking Assist with PARKTRONIC), ระบบแจ้งเตือนขณะเปิดประตูรถ (Exit Warning) และระบบรักษาความเร็ว (CRUISE CONTROL)
สำหรับ GLA 200 AMG Dynamic วางจำหน่ายในราคา 2,580,000 บาท มีสีตัวถังให้เลือกทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีขาว (Polar White), สีดำ (Cosmos Black), สีเงิน (Iridium Silver) และสีเทา (Mountain Grey) พร้อมจำหน่ายที่ตัวแทนจำหน่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ เป็นต้นไป