‘ค่ายยุโรป’ ปักธงรบ เปิดราคาอีวีแลกหมัด
กลุ่มรถพลังงานไฟฟ้า หรืออีวี ช่วงนี้กระแสคึกคักรับโค้งสุดท้ายตลาดรถยนต์ไทยของปี 2566 ค่ายุโรปลุยเปิดตัวยานยนต์ไฟฟ้ารุนใหม่ เทคโนโลยีล้ำ สอดรับกับราคาที่เหมาะสม เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภค และเปิดตลาดสู้กับค่ายแบรนด์รถยนต์จากจีน
ตลาดรถยนต์มีมูลค่าต่อปีหลายล้านล้านบาท แม้จะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ส่งผลกระทบกำลังซื้อหดตัว ปัญหาสุญญากาศทางการเมืองในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงมาตรการภาครัฐที่พยายามลดปัญหาหนี้เสีย และการควบคุมที่เข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของลิสซิ่งรถยนต์ ส่งผลให้ภาพรวมตลาดในปี 2566 ยังคงชะลอตัวต่อเนื่อง
แต่อย่างไรก็ดี ในกลุ่มตลาดรถยนต์ไฟฟ้า หรืออีวี กลับมีความคึกคักให้ปรากฏเห็นอย่างเด่นชัดเป็นระยะๆ จากบรรดาผู้เล่นในตลาดทั้งเก่าและใหม่ ซึ่งจะเห็นความชัดเจนได้จากค่ายรถยนต์แบรนด์จีน และยุโรป ที่นำเทคโนโลยีค่ายของตน มานำเสนอให้กับผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุดกรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม รายงานยอดจดทะเบียนรถอีวีทั่วประเทศ พบว่า ในช่วง 8 เดือนแรก (มกราคม-สิงหาคม 2566) มีจำนวนทั้งสิ้น 57,670 คัน แบ่งเป็นยอดจดทะเบียนเดือนมกราคม จำนวน 4,543 คัน, เดือนกุมภาพันธ์ 7,335 คัน, เดือนมีนาคม 8,522 คัน, เดือนเมษายน 5,079 คัน เดือนพฤษภาคม 6,971 คัน เดือนมิถุนายน 9,317 คัน, เดือนกรกฎาคม 6,854 คัน และเดือนสิงหาคม 9,049 คัน
ซึ่งสถิติดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการรถอีวี ของผู้บริโภคที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะพฤติกรรมการซื้อรถไฟฟ้า เพื่อทดแทนรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงน้ำมันซึ่งมีต้นทุนค่าพลังงานที่แพงกว่า ซึ่งล่าสุดจากการเปิดตัวของ Volvo EX30 ยิ่งสะท้อนภาพความคึกคักและแรงกระเพื่อมให้กับกลุ่มตลาดรถอีวี อีกครั้ง
เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในกลุ่มพรีเมียมแมส อีกทั้งราคายังจับต้องได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม จนกลายเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในตลาดที่ส่งผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมให้แก่กลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าที่มีอยู่แล้วในตลาด ซึ่งปัจจุบันมีทั้งแบรนด์ ORA, MG, BYD, Tesla หรือกลุ่มรถยนต์ใช้น้ำมัน รวมไปถึงกลุ่มรถยนต์พลังงานทางเลือกด้วย
นอกจากการแข่งขันในตลาดรถอีวีแล้ว ในส่วนของตลาดรถยนต์กลุ่มใช้น้ำมันและกลุ่มไฮบริด พบว่า การแข่งขันในตลาดเมืองไทยถือว่าดุเดือดเช่นกัน โดยรถยนต์ทุกค่ายเตรียมงัดกลยุทธ์หมายช่วงชิงยอดขาย และส่วนแบ่งทางการตลาด ในช่วงโค้งสุดท้าย หรือไตรมาสสุดท้ายของปี 2566