“MG ZS” ลุคสมาร์ท 4 รุ่นย่อย ตอกย้ำเบอร์ 1 B-SUV

บนเส้นทางตลาดรถยนต์เมืองไทย คงปฏิเสธไม่ได้ว่า “แซดเอส” คือหนึ่งในรถยนต์ที่สร้างความสำเร็จให้กับแบรนด์เอ็มจี ด้วยยอดขายสะสมกว่า 5.6 หมื่นคัน นับตั้งแต่เปิดตัวในปี 2560 จากรุ่น…สู่รุ่น เดินหน้าตอกย้ำความสำเร็จผู้นำตลาดบี-เอสยูวี กับ “เอ็มจี แซดเอส MY2022” ยกระดับความสมาร์ท ในราคาที่เอื้อมถึง จำหน่าย 4 รุ่นย่อย เพียง 6.89–7.99 แสนบาท
เอ็มจี แซดเอส ถือเป็นหนึ่งในรถยนต์ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด จากยอดจำหน่ายสะสมกว่า 56,000 คัน โดยใช้ระยะเวลาเพียง 5 ปี หลังจากเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เอ็มจี แซดเอส ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย และสามารถนำพาให้เอ็มจีก้าวสู่การเป็นผู้นำตลาดบี-เอสยูวี
รถยนต์อเนกประสงค์ เอ็มจี แซดเอส ถือเป็นเอสยูวีที่ครบเครื่องมากที่สุดรุ่นหนึ่งในตลาดเซ็กเมนต์ดังกล่าว อีกทั้งรถยนต์รุ่นนี้ยังได้รับการออกแบบดีไซน์ที่โดดเด่นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มาพร้อมกับสมรรถนะที่เพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน ผสานเทคโนโลยีและฟังก์ชันที่เหนือระดับกว่ารถยนต์อเนกประสงค์รุ่นอื่นๆ รวมถึงการเสนอราคาที่ผู้บริโภคเข้าถึงได้ง่าย ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่โดดเด่นด้วยนิยาม “สมาร์ทเอสยูวี”
นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า หนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ลูกค้ารู้จักแบรนด์เอ็มจีมากขึ้น คือรถยนต์รุ่นเอ็มจี แซดเอส ที่มาพร้อมนิยาม “SMART” “สมาร์ทเอสยูวี ที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่” ที่เปิดตัวในปี พ.ศ. 2560 ซึ่งไม่เพียงแค่การนำเสนอรถยนต์รุ่นใหม่ แต่ถือเป็นการแนะนำเทคโนโลยีใหม่ด้วยการติดตั้งระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i-SMART ที่สามารถรองรับการสั่งการด้วยเสียงภาษาไทยครั้งแรกในโลกเพื่อยกระดับมาตรฐานของรถยนต์อเนกประสงค์หรือเอสยูวีในประเทศไทยให้มีความน่าสนใจมากขึ้น
และพร้อมต่อยอดด้วย นิว เอ็มจี แซดเอส ที่เป็นรุ่นปรับโฉมในปัจจุบัน ให้โดดเด่นมากขึ้นผ่านแนวคิด “SMART UP” มาพร้อมภาพลักษณ์ของ “สมาร์ทเอสยูวี ที่เหมาะกับชีวิตสมาร์ทของทุกคน” ตอบโจทย์ได้กับทุกไลฟ์สไตล์ในราคาที่เข้าถึงได้ง่าย และคุ้มค่ามากขึ้น
ในส่วนของการออกแบบของ นิว เอ็มจี แซดเอส ยังคงโดดเด่นในด้านการดีไซน์ที่มีความเป็นสปอร์ตตั้งแต่กระจังหน้ามาพร้อมเส้นสายด้านข้างแบบ British Shoulder Line รุ่น C+ มาพร้อมไฟหน้าแบบ LED Projector ที่ควบคุมการเปิด-ปิดอัตโนมัติ ไฟส่องสว่างสำหรับขับขี่ เวลากลางวัน ไฟท้ายแบบ LED และไฟตัดหมอกด้านหลัง ติดตั้งสปอยเลอร์หลัง พร้อมล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว
เบาะแบบสปอร์ตสีดำ เบาะคนขับปรับได้ 6 ทิศทาง และการใช้วัสดุ Soft Touch ในการตกแต่ง พวงมาลัยหุ้มหนังแบบมัลติฟังก์ชันและหน้าจอ Touch Screen ขนาดใหญ่ 10 นิ้ว รองรับระบบปฏิบัติการ Apple CarPlay และระบบเชื่อมต่อมัลติมีเดียกับสมาร์ตโฟนระบบ Android มีระบบกรองอากาศและฝุ่นขนาดเล็ก PM 2.5 มาพร้อมกุญแจรีโมตอัจฉริยะ ปุ่มสตาร์ตเครื่องยนต์ด้วยปุ่ม Push Start และถุงลมนิรภัยด้านหน้า
ทั้งนี้ เอ็มจี ได้ปรับปรุง เอ็มจี แซดเอส รุ่น D+ มาเป็นรุ่น D ธรรมดา เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น ด้วยราคาที่ถูกลง 2 หมื่นบาท ห้องโดยสารภายในที่ตกแต่งสไตล์ทูโทนด้วยสีน้ำตาล-สีดำ เบาะหนังสังเคราะห์ จอแสดงผลอัจฉริยะ ขนาด 7 นิ้ว (Digital Multifunction Display) ลำโพง 6 ตำแหน่งช่องเชื่อมต่อ USB 5 ตำแหน่ง กล้องมองหลัง ถุงลมนิรภัยด้านข้าง และราวหลังคา
ขณะ เอ็มจี แซดเอส รุ่น X+ ปรับมาเป็น X ธรรมดา ปรับราคาลง 4 หมื่นบาท มีการติดตั้งหลังคาซันรูฟแบบพาโนรามา (Panoramic Sunroof) ไฟตัดหมอกด้านหน้า ล้ออัลลอยดีไซน์ 17 นิ้ว เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้าได้ 6 ทิศทาง ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ หรือ Cruise Control ระบบจำกัดความเร็ว ASL (Active Speed Limit)
พร้อมกันนี้ เอ็มจี ยังได้ปรับโฉม นิว เอ็มจี แซดเอส ในรุ่นท็อป อย่าง V ให้มีความสมาร์ทยิ่งขึ้น ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่เข้ากับยุคสมัย ด้วยการเพิ่มออปชัน ทั้งในส่วนของระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i-SMART ระบบควบคุมการเปิด-ปิด ไฟหน้าอัตโนมัติ ระบบปัดน้ำฝนด้านหน้าแบบอัตโนมัติ และเติมเทคโนโลยีในด้านปลอดภัยด้วยม่านถุงลมนิรภัย และกล้องมองภาพรอบทิศทาง พร้อมระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System)
สำหรับ นิว เอ็มจี แซดเอส รุ่นโมเดลเยียร์ 2022 ยังคงใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว ให้พละกำลังสูงสุด 114 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 150 นิวตันเมตร ที่ 4,500 รอบต่อนาที เกียร์อัตโนมัติแบบ CVT 8 สปีด ปรับโหมดพวงมาลัยได้ถึง 3 โหมด
ช่วงล่างตามแบบ EURO TUNING SUSPENSION ช่วงล่างหน้าแบบแม็คเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ช่วงล่างหลังแบบทอร์ชั่นบีม ใส่เทคโนโลยีความปลอดภัยมาเต็มขั้นด้วยโครงสร้างตัวถังนิรภัยแบบ FSF (Full Space Frame) ช่วยปกป้องห้องโดยสาร
ระบบความปลอดภัยมาตรฐานยุโรป SYNCHRONIZED PROTECTION SYSTEM กว่า 12 ระบบ ที่มีทั้งระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB (Electronic Parking Brake) ระบบป้องกันการไหลของรถ โดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง AVH (Auto Vehicle Hold) พร้อมสัญญาณเตือนระยะถอยหลัง และถุงลมนิรภัยด้านหน้า ด้านข้างและม่านถุงลมนิรภัย รวม 6 จุด เป็นต้น
นิว เอ็มจี แซดเอส มีวางจำหน่ายทั้งสิ้น 4 รุ่น เริ่มจาก รุ่น C+ ราคา 689,000 บาท, รุ่น D ราคา 719,000 บาทรุ่น X ราคา 759,000 บาท และรุ่น V ท็อปสุด ในราคาเพียง 799,000 บาท มีให้เลือกทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีขาว Arctic White, สีแดง Scarlet Red, สีเงิน Silver Metallic และสีดำ Black Knight
โดย เอ็มจี ถือเป็นผู้เล่นรายแรกๆ ที่เข้ามาทำตลาดในกลุ่มนี้ และสามารถเก็บเกี่ยวยอดขายทะลุเป้า ด้วยกลยุทธ์ของราคาที่จับต้องได้ พ่วงกับออปชันที่มีมาให้ครบครัน รวมถึงเทคโนโลยีและระบบความปลอดภัยที่ใส่มาให้ตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น ส่งผลให้ เอ็มจี แซดเอส กลายเป็นหนึ่งในรถยนต์อเนกประสงค์ ที่มอบความคุ้มค่าให้กับผู้บริโภคได้อย่างสูงสุด…