เกรท วอลล์ มอเตอร์ เดินสายการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า  โอร่า กู๊ดแคท ใหม่ อย่างเป็นทางการ โดยเป็นแบรนด์แรกที่ผลิตเพื่อจำหน่ายชดเชยการนำเข้าตามนโยบายการส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าของภาครัฐ ยกระดับสมรรถนะด้วยฟังก์ชันเสริมการใช้งานที่ครบครันยิ่งขึ้น  ตอบสนองการใช้งานด้วย 3 รุ่นทางเลือก ปรับราคาลดลงจากรุ่นก่อนหน้า ภายใต้ราคาจำหน่าย 799,000-1,099,000 บาท

เกรท วอลล์ มอเตอร์ สร้างกระแสบีอีวีฟีเวอร์ให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทย ด้วยการแนะนำรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นแรกในตลาดประเทศไทย ภายใต้แบรนด์โอร่า นับตั้งแต่ช่วงปลายปี 2021 มาพร้อมการตอบรับที่ยอดเยี่ยมจากผู้บริโภค สร้างการเติบโตให้กับเซ็กเมนต์ดังกล่าว ที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ และมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนระบบนิเวศยานยนต์พลังงานไฟฟ้าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

นายณรงค์ สีตลายน กรรมการผู้จัดการ เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) กล่าวถึงความสำเร็จดังกล่าวว่า “เกรท วอลล์ มอเตอร์ เป็นแบรนด์แรกที่ได้ประกาศอย่างชัดเจน ในการเข้ามาดำเนินธุรกิจตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศไทย ปัจจุบันได้ส่งมอบ โอร่า กู๊ดแคท  ให้กับครอบครัวชาวไทยไปแล้วเกือบ 11,000 คัน เป็นส่วนหนึ่งในการเติบโตของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่มีการขยายตัวมากกว่า 700% ในปีที่ผ่านมา มีส่วนร่วมในการเติบโตอย่างเป็นรูปธรรม ด้วยการการเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 9 รุ่น ภายใน 3 ปี ซึ่งเราได้ทำพันธกิจนี้สำเร็จลุล่วงเมื่อปลายปีที่ผ่านมา”

โดยในปีที่ผ่านมา ตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าขับเคี่ยวกันอย่างเข้มข้น ด้วยจำนวนผู้เล่นในตลาดที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงกลยุทธ์ด้านราคาที่เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญและกระตุ้นการตัดสินใจซื้อจากผู้บริโภค สร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดด ด้วยจำนวนตัวเลขจดทะเบียมากกว่า 76,000 คัน ขยายสัดส่วนเพิ่มเป็น 12% จากภาพรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทย ทั้งยังอยู่ในทิศทางที่จะขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ล่าสุด ค่ายผู้ผลิตสัญชาติจีนพร้อมเดินหน้าสานต่อความนิยม และตอกย้ำแนวทางการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ด้วยการเดินสายการผลิต โอร่า กู๊ดแคท ใหม่ อย่างเป็นทางการ ณ โรงงาน เกรท วอลล์ มอเตอร์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จังหวัดระยอง ซึ่งเป็นแบรนด์แรกที่ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าภายในประเทศ เพื่อจำหน่าย ชดเชยการนำเข้าตามนโยบายการส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าของภาครัฐ หรือ ZEV 3.0

สำหรับ โอร่า กู๊ดแคท ใหม่ ออกแบบภายใต้คอนเซปต์ Empower Your Moment โดดเด่นด้วยไฟหน้า LED รูปทรงตาแมวอันเป็นเอกลักษณ์ เพิ่มความสปอร์ตในรุ่น GT ด้วยคาลิเปอร์เบรกสีเหลือง มาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว  ยกระดับภายในห้องโดยสารด้วยหน้าจอ Interactive Double Screen พาดยาวบริเวณคอนโซลของตัวรถ ขนาด 17.25 นิ้ว แยกเป็นหน้าจอสำหรับแสดงข้อมูลการขับขี่ขนาด 7 นิ้ว และหน้าจอมัลติมีเดียแบบสัมผัส ขนาด 10.25 นิ้ว

มาพร้อมหลังคาพาโนรามิกซันรูฟ เพิ่มพื้นที่แสงสว่าง และเปิดมุมมองรับชมวิวทิวทัศน์ได้มากยิ่งขึ้น คอนโซลกลางเพิ่มพื้นที่ใช้สอยให้มากขึ้น พร้อมติดตั้ง Wireless Charger ที่ได้รับการอัปเกรดใหม่ จ่ายกระแสไฟฟ้าได้มากถึง 50 วัตต์ เติมเต็มการใช้งานด้วยช่องต่อ USB Type A และ C สำหรับผู้โดยสารด้านหน้า รวมถึงเกียร์อัตโนมัติแบบก้าน ด้านข้างพวงมาลัย สามารถปรับเปลี่ยนและควบคุมการขับขี่ได้สะดวกยิ่งขึ้น

ตอบโจทย์การใช้งานด้วย 3 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น PRO และรุ่น ULTRA ที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า พละกำลังสูงสุด 143 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 210 นิวตันเมตร สามารถวิ่งได้ 480 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (มาตรฐาน NEDC) และยกระดับความสปอร์ตด้วยรุ่น GT ที่ตอบสนองการใช้งานด้วยพละกำลังสูงสุด 171 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร สามารถวิ่งได้ 460 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง

เติมเต็มการใช้งานด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะมากถึง 31 รายการ พร้อมระบบที่ช่วยชะลอความรุนแรงของการชนครั้งที่ 2 เมื่อเกิดเหตุรถจะรักษาเสถียรภาพของตัวรถไว้ เพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน ซึ่งเป็นฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มเข้ามาในรุ่นใหม่ ทั้งยังได้เพิ่มฟังก์ชัน V2L (Vehicle to Load) สามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าจากตัวรถยนต์ไปยังอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ต้องการเข้ามาในรุ่น ULTRA และรุ่น GT ตอบรับความต้องการของผู้บริโภค

โดย โอร่า กู๊ดแคท ใหม่ รุ่น PRO มาภายใต้ราคาเริ่มต้น 799,000 บาท และ 899,000 บาท สำหรับรุ่น ULTRA มีสีภายนอกทั้งหมด 5 สี ได้แก่ สีขาว, สีขาวหลังคาสีดำ, สีเขียวหลังคาสีขาว, สีเบจหลังคาสีน้ำตาล และสีเขียวพิสตาชิโอ ส่วนในรุ่น GT มีสีภายนอกให้เลือกทั้งหมด 2 สี ได้แก่ สีดำ และสีเทา จับคู่กับภายในสีดำและเหลือง พร้อมอุปกรณ์แต่งสปอร์ตสีเหลือง  ภายใต้ราคาจำหน่าย 1,099,000 บาท

“เราขอขอบคุณ ทุกการสนับสนุนและความไว้วางใจที่ทุกท่านมีให้กับทางเกรท วอลล์ มอเตอร์ ด้วยดีเสมอมา เราจะยังคงมุ่งมั่นส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและยกระดับการบริการและประสบการณ์ของลูกค้า ไปพร้อมกับการสนับสนุนการเติบโตของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทยสู่อาเซียนอย่างยั่งยืน” นายณรงค์ กล่าวทิ้งท้าย