“ซีอาร์-วี” ควง “เอช-อาร์วี” ครองตลาดเอสยูวีเมษายน
ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) ยิ้มรับยอดขายรถยนต์อเนกประสงค์ ด้วยความนิยมของผู้บริโภคที่มีต่อ ฮอนด้า ซีอาร์-วี ส่งผลให้ครองเจ้าตลาดซี-เอสยูวี ด้วยส่วนแบ่งมากกว่า 30% ขณะที่ ฮอนด้า เอชอาร์-วี ยังคงเดินหน้าเก็บเกี่ยวยอดขายได้อย่างต่อเนื่อง ยึดผู้นำตลาดบี-เอสยูวี ไว้ได้อย่างเหนียวแน่น ครองสัดส่วนมากกว่า 34%
รถอเนกประสงค์ หรือเอสยูวี ยังคงเป็นทางเลือกอันดับต้นๆ ของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน ด้วยสมรรถนะที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย บวกกับความโดดเด่นในเรื่องของรูปโฉม ส่งผลให้เซ็กเมนต์ดังกล่าวขยายตัวในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เป็นแรงผลักดันให้บรรดาค่ายผู้ผลิตเดินหน้าเสริมทัพด้วยรถรุ่นใหม่ๆ เพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภค สร้างโอกาสเก็บเกี่ยวยอดขาย
โดยในเดือนเมษายนที่ผ่านมา เป็นทางด้านยานยนต์ค่ายฮอนด้า ที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภค ครองเจ้าตลาดซี-เอสยูวี จากผลงานของ ฮอนด้า ซีอาร์-วี เจนฯล่าสุด ที่เก็บยอดขายไปได้ทั้งสิ้น 446 คัน ครองสัดส่วน 30.3% รวมถึง ฮอนด้า เอชอาร์-วี ที่โกยยอดไปทั้งสิ้น 1,950 คัน คิดเป็น 34.2% รั้งจ่าฝูงในตลาดบี-เอสยูวี ขณะที่น้องใหม่ประจำค่ายอย่าง ฮอนด้า ดับเบิลยูอาร์-วี ขายได้ทั้งสิ้น 181 คัน
สำหรับ ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ มาภายใต้ดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ ผสานความสปอร์ตพรีเมียมได้อย่างลงตัว ด้วยกระจังหน้าดีไซน์ใหม่สีดำ Piano Black และกระจังหน้าสีดำ Piano Black ตกแต่งด้วยโครเมียม, กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว ปรับไฟฟ้าพร้อมพับเก็บอัตโนมัติ, ไฟหน้าและไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED และไฟเลี้ยวด้านหน้าแบบ LED Sequential รวมถึงไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED และไฟท้ายแบบ LED
ตามยุคสมัยด้วยหลังคาซันรูฟไฟฟ้าแบบพาโนรามา สะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วยฝากระโปรงท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้าแบบแฮนด์ฟรี พร้อมระบบปิดอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมตอยู่ห่างจากตัวรถ เติมเต็มด้วยเสาอากาศครีบฉลาม รวมถึงปลอกท่อไอเสียสเตนเลสคู่ และล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตขนาด 18 นิ้ว
ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง เติมเต็มด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายระดับพรีเมียม โดดเด่นด้วยชุดตกแต่งภายในที่พรีเมียม เสริมลุคสปอร์ตรุ่น RS ด้วยชุดตกแต่งภายในลายอะลูมิเนียมปัดเงาและสีดำ Piano Black, เบาะหนังสีดำตกแต่งด้วยด้ายสีแดง, พวงมาลัยสีดำตกแต่งด้วยด้ายสีแดง และแป้นเหยียบคันเร่งและเบรกแบบสปอร์ต
มีให้เลือกทั้งแบบระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ และระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัตโนมัติ ภายใต้ 2 ขุมพลังทางเลือก ได้แก่ ฟูลไฮบริด e:HEV ผสานการทำงานอันทรงพลังร่วมกันของมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว กับเครื่องยนต์ใหม่ขนาด 2.0 ลิตร Direct Injection Atkinson-Cycle DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว และเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร Direct Injection DOHC VTEC TURBO 4 สูบ 16 วาล์ว ทุกรุ่นย่อยมาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง
ส่วน ฮอนด้า ดับเบิลยูอาร์-วี ใหม่ ชูความสปอร์ตโฉบเฉี่ยวด้วยกระจังหน้าโครเมียม มือจับประตูด้านนอกสีเดียวกับตัวรถ ไฟหน้าพร้อมไฟเลี้ยวด้านหน้าแบบ LED Sequential และไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED และไฟท้ายแบบ LED รวมถึงระบบเปิดปิดไฟหน้าอัตโนมัติกระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวปรับและพับไฟฟ้า ระบบปัดน้ำฝนด้านหน้าแบบหน่วงเวลา และระบบปัดน้ำฝนด้านหลัง
ภายในห้องโดยสารสปอร์ตพรีเมียม ด้วยวัสดุตกแต่งภายในสีดำ Piano black และตกแต่งแถบสีเงิน มือจับประตูด้านในสีเงิน เบาะนั่งคนขับปรับระดับสูง-ต่ำได้ วัสดุหุ้มเบาะหนังสังเคราะห์สีดำ ตกแต่งด้วยผ้าและด้ายสีน้ำเงิน พวงมาลัยหุ้มหนัง ตกแต่งด้วยด้ายสีน้ำเงิน ปรับระดับสูง-ต่ำได้
ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว ผสานกับระบบเกียร์ CVT ที่ได้รับการพัฒนา ให้กำลังสูงสุด 121 แรงม้า ที่ 6,600 รอบ/นาที สร้างแรงบิดสูงสุดที่ 145 นิวตัน-เมตรที่ 4,300 รอบ/นาที มาพร้อมอัตราการบริโภคเชื้อเพลิง 16.7 กิโลเมตร/ลิตร ทุกรุ่นย่อยมาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง