“ซี-คลาส” ปลั๊กอิน เติมเต็มพรีเมียมซีดาน ทันสมัยครบครัน 3.35 ล้านบาท
เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในตระกูลซี-คลาส ด้วย Mercedes-Benz C 350 e AMG Dynamic รุ่นปลั๊กอินไฮบริด ชูความโดดเด่นทั้งในเรื่องรูปโฉมและสมรรถนะ เติมเต็มการใช้งานด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัย วิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้าได้ไกลกว่า 100 กิโลเมตร ภายใต้ราคาจำหน่าย 3,350,000 บาท
หลังจากที่ บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้แนะนำ The new Mercedes-Benz C-Class รุ่นเครื่องยนต์ดีเซลออกมาเป็นคันแรกในช่วงไตรมาสแรกของปี และได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากแฟนประเทศไทย ล่าสุดได้เติมเต็มไลน์อัปตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคด้วย Mercedes-Benz C 350 e AMG Dynamic รุ่นปลั๊กอินไฮบริด
โดย มร.โรลันด์ โฟลเกอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “วันนี้เราพร้อมแล้วที่จะนำเสนอ Mercedes-Benz C 350 e AMG Dynamic รุ่นปลั๊กอินไฮบริด ที่ผสานขุมพลังเบนซินกับพลังไฟฟ้าจากแบตเตอรี่เจเนอเรชันที่ 4 ให้สมรรถนะการขับขี่ที่เร้าใจในทุกสภาพถนน ทั้งยังประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เพราะผู้ขับขี่สามารถเลือกขับด้วยพลังไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวได้ไกลถึง 100 กิโลเมตร”
“การเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ในวันนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ มั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้ารุ่นใหม่ ที่สัมผัสได้ถึงจุดเด่นที่ตอบโจทย์ความต้องการของพวกเขา และช่วยเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในตลาดรถยนต์ลักชัวรีของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น”
สำหรับ Mercedes-Benz C 350 e AMG Dynamic คือรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดรุ่นใหม่ ในตระกูลซี-คลาส ที่มาพร้อมสมรรถนะการขับขี่สุดเร้าใจ ภายใต้ขุมพลังของเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1,999 ซี.ซี. ผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่อาศัยพลังงานจากแบตเตอรี่ขนาด 25.4 kWh ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่เป็นเจเนอเรชันที่ 4 ให้กำลังสูงสุด 313 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 550 นิวตันเมตร โดยรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดคันนี้สามารถขับขี่ด้วยพลังไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวได้ไกลถึง 100 กิโลเมตร และทำความเร็วสูงสุดจากการขับขี่ด้วยพลังไฟฟ้าได้ถึง 140 กิโลเมตร/ชั่วโมง
สามารถชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสตรง (DC charger) ในเวลาเพียง 30 นาที ก็สามารถชาร์จได้เต็ม 100% ส่วนการชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสสลับ (AC charger) จะใช้เวลาราว 2 ชั่วโมง ด้วยความสะดวกในการเลือกใช้งานได้ทั้งสองระบบ ประกอบกับการชาร์จพลังไฟฟ้าด้วยเวลาไม่นาน หากเป็นการขับขี่ภายในเมือง ผู้ใช้สามารถใช้รถยนต์คันนี้ได้อย่างสะดวกสบายด้วยพลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว
โดดเด่นด้วยรูปโฉมสไตล์สปอร์ตด้วยกระจังหน้าใหม่พร้อม Star pattern อันเป็นเอกลักษณ์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ไฟหน้าแบบ DIGITAL LIGHT ที่มาพร้อมความละเอียดมากกว่า 1 ล้านพิกเซลในโคมไฟแต่ละข้าง ผสานการทำงานระหว่างฟังก์ชัน Adaptive Highbeam Assist Plus ที่สามารถควบคุมไฟ LED ให้สอดรับกับสถานการณ์บนท้องถนนได้อย่างอิสระ และ ULTRA RANGE Highbeam ที่ช่วยเพิ่มวิสัยทัศน์ในการขับขี่ให้เข้ากับแต่ละสถานการณ์การขับขี่ได้อย่างเหมาะสม
ด้านหลังโฉบเฉี่ยว ทันสมัย ด้วยดีไซน์ไฟท้าย LED ถัดลงมาเป็นกันชนหลังดีไซน์สปอร์ต เติมเต็มด้วยกรอบท่อไอเสียคู่ 2 ฝั่ง และล้ออัลลอย AMG 5 twin-spoke ขนาด 18 นิ้ว รวมถึงตัวรถมีขนาดกว้างขึ้นในทุกมิติ มอบการเดินทางที่สะดวกสบายยิ่งขึ้นสำหรับผู้โดยสารในที่นั่งด้านหลัง นอกจากนี้ ถังน้ำมันขนาดความจุ 50 ลิตร ยังช่วยมอบอิสรภาพในการเดินทางที่มากยิ่งกว่าที่เคย
ดีไซน์ภายในถอดแบบมาจากรุ่น S-Class ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอ LCD ความละเอียดสูงบริเวณด้านหน้าของผู้ขับขี่ขนาดใหญ่ 12.3 นิ้วแสดงผลคมชัด ให้ภาพที่อ่านง่ายในทุกสภาพแสง สามารถปรับรูปแบบการแสดงผลได้ทั้งหมด 3 แบบ พร้อม 3 โหมดการใช้งาน ได้แก่ Navigation, Assistance และ Service
พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้านหุ้มด้วยหนัง คอนโซลกลางดีไซน์ใหม่ พร้อมจอสัมผัสแนวตั้งขนาดใหญ่ 11.9 นิ้ว ที่เบี่ยงเป็นมุมเฉียงมายังผู้ขับขี่เล็กน้อย มาพร้อมระบบปรับอากาศควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ 2 โซน รวมถึงระบบความบันเทิง MBUX รุ่นล่าสุด เอาไว้ด้วยกัน พร้อมระบบสั่งงานด้วยเสียง รวมถึงฟังก์ชันการสแกนลายนิ้วมือ สามารถตั้งค่าเฉพาะบุคคลได้รวดเร็ว สะดวก และปลอดภัยยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ระบบจะเรียนรู้พฤติกรรมการขับขี่ด้วยระบบ AI ที่ช่วยปรับการตั้งค่าของรถให้ดั่งเสมือน Comfort zone พร้อมรองรับการชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย เบาะนั่งสไตล์สปอร์ตหุ้มด้วยหนังคุณภาพสูง และส่วนรองรับศีรษะที่ได้รับการออกแบบใหม่ และไฟล้อมรอบห้องโดยสาร Premium Ambient Lighting 64 สี รวมถึงฟังก์ชันสุดไฮเทคอีกมากมายที่จะเพิ่มความสะดวกสบายและน่าประทับใจในทุกการขับขี่
จัดเต็มด้วยระบบความปลอดภัย อาทิ ระบบรักษาระยะห่างจากรถที่อยู่ด้านหน้า (Active Distance Assist DISTRONIC), Lane Tracking package ที่ประกอบด้วย ระบบ Active Lane Keeping Assist ที่ช่วยดึงรถกลับเข้าช่องจราจรเดิมโดยอัตโนมัติ หากตรวจพบความเสี่ยงในการชน และระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดบอดสายตา (Blind Spot Assist) รวมถึงระบบช่วยจอดด้วย PARKTRONIC ที่ตรวจจับพื้นที่จอดรถว่าง พร้อมกล้องถอยหลังและเซ็นเซอร์อัลตราโซนิกที่ช่วยทำให้เข้าจอดได้อย่างง่ายดาย
นอกจากนี้ ตัวถังยังมีการออกแบบอย่างชาญฉลาดพร้อมห้องโดยสารที่แข็งแรงเป็นพิเศษ และโครงสร้างรถที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้การปกป้องที่ดีที่สุดสำหรับผู้โดยสาร ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ ฯลฯ สำหรับ Mercedes-Benz C 350 e AMG Dynamic วางจำหน่ายในราคา 3,350,000 บาท