“ซูซูกิ” ดัน ไฮบริด “เออร์ติก้า-เอ็กซ์แอล 7” ตรงความต้องการ สมรรถนะ-ราคา
ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จับคู่ เออร์ติก้า และ เอ็กซ์แอล 7 ตอบสนองการใช้งานของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน ภายใต้ขุมพลังเครื่องยนต์ไฮบริด ชูความโดดเด่นทั้งในด้านความอเนกประสงค์ และสมรรถนะที่ตรงตามความต้องการของลูกค้า รวมถึงความประหยัดและความสบายใจในการใช้งาน ตอกย้ำบทบาทค่ายยานยนต์ที่ยังคงไว้ซึ่งความคุ้มค่า คุ้มราคา
จากกระแสบีอีวี ฟีเวอร์ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา สร้างแรงกระเพื่อมให้บรรดาค่ายผู้ผลิตขยับตัวด้วยการนำเสนอทางเลือกที่ตอบโจทย์การใช้งานของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน มีให้เลือกครบครัน ไล่เลียงจากเครื่องยนต์สันดาปภายใน, ไฮบริด, ปลั๊ก-อิน ไฮบริด และรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ตามยุคสมัย ขึ้นอยู่กับแนวทางการทำตลาดของแต่ละค่าย
โดยเจ้าตลาดความคุ้มราคา อย่าง ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) มองว่า ขุมพลังเครื่องยนต์ไฮบริด เป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์การใช้งานของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน ในช่วงเวลาที่ระบบนิเวศน์ยานยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศไทย ยังไม่ครอบคลุมและเพียงพอที่จะรองรับการใช้งานของผู้บริโภคที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด ซึ่งเป็นผลจากการเดินเกมรุกของค่ายผู้ผลิตสัญชาติจีน ที่ตบเท้าเข้าร่วมวงบีอีวีอย่างต่อเนื่อง
สำหรับรถยนต์ไฮบริด ทางเลือกจากค่ายซูซูกิ ในปัจจุบันมาภายใต้รูปโฉมของรถยนต์อเนกประสงค์ประจำค่ายอย่าง ซูซูกิ เออร์ติก้า และ ซูซูกิ เอ็กซ์แอล 7 ซึ่งมีความโดดเด่นที่แตกต่างกันตามคาแรคเตอร์ ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้บริโภคทั้งในเรื่องรูปร่างหน้าตา รวมถึงฟังก์ชันการใช้งาน สร้างโอกาสเก็บเกี่ยวยอดขายในช่วงเวลาที่ราคาค่าตัวเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นการตัดสินใจ
ซึ่ง ซูซูกิ เออร์ติก้า คือรถยนต์พลังงานไฮบริดรุ่นแรกของค่ายซูซูกิ ในตลาดประเทศไทย ชูความโดดเด่นของเทคโนโลยีเครื่องยนต์สมาร์ต ไฮบริด ผสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า Integrated Starter Generator หรือ ISG พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ช่วยให้เครื่องยนต์ไม่ต้องทำงานหนัก และชาร์จกระแสไฟฟ้าเข้าไปเก็บในแบตเตอรี่ มีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 134 กรัม/กิโลเมตร ทั้งยังบำรุงรักษาง่ายและใช้งานได้อย่างไร้กังวล ด้วยการรับประกันแบตเตอรี่ 5 ปี
ด้านดีไซน์ภายนอกทันสมัยด้วยกระจังหน้าโครเมียมดีไซน์ใหม่ ผสมผสานด้วยไฟหน้าโปรเจคเตอร์ พร้อมระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติพร้อมฟังก์ชัน GuideMe (Automatic turn-on/off headlight with guide me functionality) เสริมการใช้งานในที่มืด รวมถึงไฟท้ายแบบ LED แบบ Light Guides และสัญลักษณ์ Hybrid ที่บริเวณประตูด้านท้าย กระจกมองข้างพับออโต้ (Auto Retractable Outside Mirror) เสาอากาศแบบใหม่ และล้ออัลลอยทูโทนขนาด 15 นิ้ว
ภายในห้องโดยสารคอนโซลด้านหน้าและแผงประตูสีดำตกแต่งลายไม้สีเทา มาพร้อมกับอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน มาตรวัดพร้อมจอ LCD แสดงพลังงานแบตเตอรี่ และสถานะข้อมูลสำคัญของตัวรถ เชื่อมต่อกับความบันเทิงในทุกเส้นทางด้วยจอแสดงผลระบบสัมผัสขนาด 10 นิ้ว ฟังก์ชันเอนเตอร์เทนเมนต์ครบครัน ด้วยเครื่องเล่นวิทยุ MP3 และ WMA พร้อมระบบเชื่อมต่อ Bluetooth และระบบเชื่อมต่อสมาร์ตโฟน สามารถรองรับการใช้งาน USB และ HDMI
ขณะที่ ซูซูกิ เอ็กซ์แอล 7 เข้ามาเสริมความแข็งแกร่งภายใต้บทบาทของมัลติ-ไดนามิค ครอสโอเวอร์ โดดเด่นด้วยกระจังหน้าโครเมียมลายใหม่ มาพร้อมกับไฟหน้า LED รีเฟล็กเตอร์ และ Daytime Running Light และเสาอากาศแบบใหม่ ด้านท้ายมาภายใต้ดีไซน์เน้นเส้นสายสะดุดตา โฉบเฉี่ยวด้วยไฟท้าย LED แบบ Light Guides พร้อมสัญลักษณ์ Hybrid บริเวณประตูท้าย ย้ำความเป็นตัวตนด้วยราวหลังคาสไตล์สปอร์ต บ่งบอกถึงความเป็นรถครอสโอเวอร์ ที่พร้อมลุยทุกเส้นทาง
รวมถึงภายในห้องโดยสารที่กว้างขวางด้วยเบาะนั่งแบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง คอนโซลตกแต่งด้วยลายไม้ มาพร้อมมาตรวัดและจอ LCD แสดงข้อมูลการขับขี่ Driving G-Force และอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง พร้อมด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ครบครัน รองรับทุกการเชื่อมต่อความบันเทิงภายในตัวรถ ยกระดับการใช้งานด้วยแท่นชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย เพิ่มความคล่องตัวให้กับการขับขี่ด้วยระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ
ด้วยความโดดเด่นในเรื่องสมรรถนะการใช้งานที่ตรงตามความต้องการ ภายใต้ราคาที่จับต้องได้ ส่งผลให้รถยนต์พลังงานไฮบริดจากค่ายซูซูกิ เป็นหนึ่งทางเลือกอันดับต้นๆ ของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน ทั้งยังกระตุ้นการตัดสินใจด้วยข้อเสนอพิเศษสร้างโอกาสให้สามารถจับจองเป็นเจ้าของได้ง่ายยิ่งขึ้น ซึ่ง ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) มองว่าทางเลือกดังกล่าวเหมาะสมกับยุคปัจจุบัน ทั้งด้านความประหยัดและความสบายใจในการใช้งาน
จากแนวโน้มของสถานการณ์เศรษฐกิจที่เริ่มกลับเข้าสู่สถานการณ์ปกติ ซูซูกิ เชื่อมั่นว่าไลน์อัพในปัจจุบันบวกกับคุณภาพและความเชื่อมั่นจากผู้บริโภค รวมถึงการนำเสนอผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่และการยกระดับงานบริการให้ดียิ่งขึ้น จะสามารถผลักดันยอดขายขึ้นไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ 12,000 คันในปีนี้