“ซูซูกิ” แจกกลยุทธ์ ล่ายอดขาย 2.7 หมื่น
ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) สรุปผลดำเนินธุรกิจปี 2565 ปิดยอดขายที่ 20,083 คัน ลดลงจากปีก่อนหน้าราว 10% นำทัพโดย ซูซูกิ สวิฟท์ ที่ยังครองสัดส่วนมากที่สุด พร้อมจัดประชุมผู้จำหน่ายเพื่อแจงนโยบายและมอบกลยุทธ์เพื่อเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจ ไล่ล่ายอดขาย 27,000 คันในปีนี้
บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด สรุปตัวเลขยอดขายประจำปี 2565 สามารถเก็บเกี่ยวไปได้ทั้งสิ้น 20,083 คัน ลดลงราว 10% จากปีก่อนหน้า จำแนกเป็น SUZUKI SWIFT จำนวน 8,641 คัน, SUZUKI CELERIO จำนวน 4,072 คัน, SUZUKI CIAZ จำนวน 1,501 คัน, SUZUKI CARRY จำนวน 3,362 คัน, SUZKI XL7 จำนวน 1,925 คัน และ SUZUKI ERTIGA จำนวน 582 คัน
มร.มิโนรุ อามาโนะ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ในปี 2565 ที่ผ่านมา เราประสบกับปีที่ยากลำบากอีกปีหนึ่ง ซึ่งได้รับผลกระทบจากปัจจัยที่ไม่คาดคิดมากมายทางธุรกิจ ด้วยต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ซูซูกิมีความจำเป็นต้องปรับราคารถยนต์ขึ้น รวมถึงการขาดแคลนชิ้นส่วนเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งส่งผลต่อการผลิต จึงทำให้ปริมาณรถมีจำนวนน้อยสำหรับการขายในช่วงนั้น”
“แต่เมื่อสถานการณ์ดังกล่าวคลี่คลายดีขึ้น ซูซูกิได้ขับเคลื่อนทิศทางการขายอย่างเต็มที่ การนำเสนอผลิตภัณฑ์คุณภาพพร้อมสมรรถนะที่ดีในราคาที่เหมาะสม รวมถึงการวางรากฐานด้านงานบริการของโชว์รูมและศูนย์บริการ ส่งผลให้สามารถเก็บยอดขายได้ทั้งสิ้น 20,083 คัน ลดลง 10% เมื่อเทียบจากปี 2564 โดยเชื่อมั่นว่าสถานการณ์จะคลี่คลายและมุ่งมั่นตั้งเป้าการขายปีนี้ที่ 27,000 คัน ด้วยกลยุทธ์การเปิดตัวสินค้าใหม่และเสริมความแข็งแกร่งเครือข่ายผู้จำหน่ายทั่วประเทศ”
ค่ายซูซูกิ ได้จัดประชุมผู้จำหน่ายรถยนต์ซูซูกิ ประจำปี 2566 ภายใต้แนวคิด Driven to Success แรงผลักดันยิ่งใหญ่สู่ความสำเร็จ พร้อมประกาศรางวัลผู้จำหน่ายยอดเยี่ยมประจำปี 2565 โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญคือ ยกระดับมาตรฐานการดำเนินงานในทุกด้านของผู้จำหน่ายรถยนต์ซูซูกิ กระตุ้นให้เกิดการดูแลและการปรับปรุงพัฒนางานบริการอย่างต่อเนื่อง และเป็นตัวอย่างที่ดีในการดำเนินธุรกิจของผู้จำหน่ายในประเทศไทย แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นผ่านการตอบแทนลูกค้าด้วยความจริงใจในฐานะที่ลูกค้าทุกท่านเป็นผู้ให้การสนับสนุนและส่งเสริมภาพลักษณ์ของซูซูกิเป็นอย่างดีเสมอมา
มร.อามาโนะ กล่าวเพิ่มเติมว่า “งานประชุมผู้จำหน่ายรถยนต์ซูซูกิ เป็นการสื่อสารแนวทางการดำเนินธุรกิจของบริษัท และเพื่อให้ผู้จำหน่ายได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการทำธุรกิจระหว่างกัน ซึ่งเมื่อผู้จำหน่ายมีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว ก็จะสามารถช่วยกันพัฒนาศักยภาพของงานบริการ รวมถึงบุคลากรภายในองค์กรของผู้จำหน่ายให้เข้าถึงกลยุทธ์ในการดูแลลูกค้าด้วยความจริงใจ และพร้อมที่จะมอบบริการที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าทุกราย”
นอกจากนี้ ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) ยังได้มอบรางวัลให้กับผู้จำหน่ายเพิ่มเติม เช่น รางวัลยอดขายสูงสุดประจำปี 2565 รางวัลคะแนนความพึงพอใจการบริการหลังการขายสูงสุด ประจำปี 2565 และรางวัลยอดขายอะไหล่รวมทุกผลิตภัณฑ์เฉลี่ยต่อจำนวนรถเข้าศูนย์ บริการสูงสุดประจำปี 2565 เป็นต้น
ด้าน นายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ซูซูกิร่วมมือกับผู้จำหน่ายทุกรายเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนา นอกเหนือจากการมอบบริการที่ดีกับลูกค้าเพื่อให้เกิดความพึงพอใจสูงสุด โดยการมุ่งเน้นอบรมพนักงานในเชิงปฏิบัติอย่างมืออาชีพ ปลูกฝังความรู้สึกเป็นเจ้าของเพื่อให้มีใจรักในการบริการลูกค้าด้วยความยินดีและเต็มใจ อีกทั้งยังให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการดูแลทรัพยากรบุคคลทุกภาคส่วนเสมือนหนึ่งในครอบครัวเดียวกัน ทั้งนี้เพื่อให้พนักงานสามารถทำงานกับบริษัทฯ ด้วยความรู้สึกที่มีความสุข ไม่มีความกังวลในเรื่องส่วนตัว มีความมั่นคง และเกิดความเชื่อมั่นในองค์กร ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้มีผลส่งต่อความรู้สึกไปถึงการให้บริการลูกค้าด้วยความจริงใจ และเปรียบเหมือนลูกค้าเป็นครอบครัวซูซูกิเช่นกัน ภายใต้แนวคิด “SUZUKI Cause We Care – เหนือกว่าความใส่ใจ คือความเข้าใจทุกความต้องการ”
ด้วยแนวโน้มของสถานการณ์เศรษฐกิจในปี 2566 ที่เริ่มกลับเข้าสู่สถานการณ์ปกติ ซูซูกิเชื่อมั่นว่า จากผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและได้รับความเชื่อมั่น รวมถึงการนำเสนอผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ครบทุกความต้องการ ไปจนถึงความมุ่งมั่นในการยกระดับงานบริการให้ดียิ่งขึ้นเพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้า จึงมั่นใจว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายการขายที่ 27,000 คัน