“พีพีวี” บี้สนุก ชิงยอดปลายปี เติมความสดใหม่ ใส่โปรโมชัน
รถอเนกประสงค์พีพีวี ยังคงเป็นตลาดที่สำคัญสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย และคาดว่าการขับเคี่ยวจะเป็นไปอย่างเข้มข้นในช่วงโค้งสุดท้ายของปี สร้างโอกาสเก็บเกี่ยวยอดขายด้วยความสดใหม่ของผลิตภัณฑ์ รวมถึงโปรโมชันกระตุ้นการตัดสินใจที่เตรียมมาประชันกันในงานแสดงยานยนต์ช่วงปลายปี
ความอเนกประสงค์ของการใช้งาน ที่สามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน ส่งผลให้รถอเนกประสงค์พีพีวี ซึ่งมีพื้นฐานมาจากรถกระบะยังคงทางเลือกที่ได้รับความนิยมจากลูกค้าในประเทศไทย ด้วยความโดดเด่นทั้งในเรื่องรูปโฉม รวมถึงสมรรถถนะการใช้งาน ส่งผลให้บรรดาค่ายผู้ผลิตเดินหน้าตอบสนองความต้องการด้วยรถยนต์รุ่นใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง
ทว่าด้วยภาพรวมของเศรษฐกิจ บวกกับทางเลือกในตลาดที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ทิศทางของอุตสาหกรรมยานยนต์ รวมถึงผลประกอบการของแต่ละแบรนด์เดินไปในทิศทางที่ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า ท่ามกลางการขับเคี่ยวที่เข้มข้นของค่ายผู้ผลิตสัญชาติจีน สร้างผลกระทบทั้งด้านบวกและด้านลบให้กับตลาดรถยนต์ในประเทศไทย
สำหรับภาพรวมในเซ็กเมนต์รถอเนกประสงค์พีพีวี มียอดจำหน่ายรวมนับตั้งแต่เดือนมกราคม-สิงหาคม ทั้งสิ้น 24,481 คัน ลดลง 43.1% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า เดินไปในทิศทางเดียวกับภาพรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์ ที่คาดว่าจะเป็นอีกหนึ่งปีที่มียอดจำหน่ายรถยนต์แตะจุดต่ำในรอบมากกว่าสิบปีที่ผ่านมา ล่าสุดมียอดขายสะสมทั้งสิ้น 399,611 คัน หลังผ่าน 8 เดือนแรกของปี ลดลงจากปีก่อนหน้ากว่า 24%
อย่างไรก็ดีจากการขยับตัวสร้างโอกาสเก็บเกี่ยวยอดขายจากบรรดาค่ายผู้ผลิต สร้างความน่าสนใจและกระตุ้นการตัดสินใจจับจองเป็นเจ้าของ หนึ่งในรถยอดนิยมในตลาดประเทศไทย โดยในกลุ่มบนเป็นการขับเคี่ยวของ 2 แบรนด์หลักเจ้าตลาดอย่าง โตโยต้า และ อีซูซุ ที่เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนตลาดรถกระบะและรถอเนกประสงค์พีพีวีในบ้านเรา
สำหรับ โตโยต้า ครองสัดส่วนมากที่สุด 35.7% ด้วยยอดขายสะสม 8,736 คัน ไล่บี้ด้วย อีซูซุ มียอดขายสะสม 8,247 คัน ครองส่วนแบ่ง 33.7% ขณะที่ ฟอร์ด ยังคงยึดอันดับ 3 ไว้ได้อย่างเหนียวแน่น ด้วยยอดขาย 5,564 คัน ครองแชร์ 22.7% ปิดท้ายด้วย มิตซูบิชิ มียอดขาย 1,656 คัน ครองแชร์ 6.8% และ นิสสัน จำนวน 278 คัน ครองส่วนแบ่ง 1.1%
และเป็นทางด้าน อีซูซุ ที่เก็บเกี่ยวยอดขายได้มากที่สุดในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ด้วยจำนวนทั้งสิ้น 1,158 คัน คิดเป็น 43.4% ของยอดขายรถอเนกประสงค์พีพีวี รองลงมาได้แก่ โตโยต้า จำนวน 822 คัน ครองสัดส่วน 30.8% ถัดไปเป็น ฟอร์ด จำนวน 542 คัน คิดเป็น 20.3% ตามด้วย มิตซูบิชิ จำนวน 113 คัน คิดเป็น 4.2% และ นิสสัน ที่ครองสัดส่วน 1.2% ขายได้ 32 คัน
ด้วยทิศทางของตลาดในช่วงโค้งสุดท้ายของปี คาดว่าน่าจะมีการขยับตัวที่น่าสนใจจากค่ายผู้ผลิต เพิ่มความสดใหม่และความน่าสนใจให้กับผลิตภัณฑ์ สร้างโอกาสเก็บเกี่ยวยอดขาย ภายใต้กลยุทธ์ที่แตกต่างกันไป ทั้งการปรับโฉมเพิ่มออปชัน รวมถึงการเปิดตัวรุ่นพิเศษ และโปรโมชันกระตุ้นการตัดสินใจจากผู้บริโภค
โดยเฉพาะภายในงานแสดงยานยนต์ช่วงปลายปี ซึ่งน่าจะเป็นอีกช่วงเวลาของการจับจ่ายใช้สอยของผู้ใช้รถ เนื่องด้วยเหตุผลที่ได้กล่าวในข้างต้น น่าจะเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญในการเลือกจับจองเป็นเจ้าของรถอเนกประสงค์พีพีวีสักคัน บวกกับข้อเสนอที่เย้ายวนใจของแต่ละค่ายแต่ละแบรนด์
ด้วยสมรรถนะที่ตอบโจทย์การขับขี่และใช้งานของผู้บริโภคในประเทศไทย การันตีได้ว่า รถอเนกประสงค์พีพีวี ยังคงเป็นทางเลือกอันดับต้นๆ และเป็นกำลังสำคัญที่ร่วมขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ ท่ามกลางการขับเคี่ยวที่เข้มข้น ล้วนเป็นประโยชน์กับผู้บริโภคที่จะได้จับจองเป็นเจ้าของรถที่มีสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม ภายใต้ราคาที่จับต้องได้