“พีพีวี” โตสวนตลาด ค่ายรองขยับแชร์ต่อเนื่อง
ความนิยมรถยนต์อเนกประสงค์พีพีวียังคงเดินไปในทิศทางบวกหลังผ่านไตรมาสที่ 3 สวนทางกับภาพรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์ที่หดตัวลงกว่า 15% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดย อีซูซุ และฟอร์ด ที่ครองอันดับ 2 และ 3 มีอัตราเติบโตที่น่าสนใจ ขณะที่เจ้าตลาดอย่างโตโยต้า ยังคงอยู่ในแดนลบ เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
พีพีวี (Pickup Passenger Vehicle) รถยนต์อเนกประสงค์ที่ได้รับการพัฒนาภายใต้พื้นฐานของรถกระบะ ส่งผลให้มีความสมบุกสมบันมากกว่าเอสยูวี และเป็นหนึ่งในทางเลือกของผู้บริโภคในบ้านเรา ที่ชื่นชอบในฟีลลิ่งการขับขี่ของรถกระบะ ทว่ายกระดับสมรรถนะการใช้งานขึ้นไปอีกระดับ และมีทางเลือกจากค่ายผู้ผลิต 5 แบรนด์ในตลาดปัจจุบัน
ยอดขายกว่าครึ่งหนึ่งของอุตสาหกรรมยานยนต์ประเทศไทยในแต่ละปี เป็นตัวเลขของรถกระบะ ตอกย้ำความสำคัญภายใต้บทบาทของฐานการผลิตที่หลากหลายค่ายเลือกใช้และส่งไปทำตลาดทั่วโลก รถอเนกประสงค์พื้นฐานรถกระบะหรือพีพีวี จึงเป็นอีกหนึ่งผลผลิตที่ถูกส่งลงทำตลาดคู่ขนานไปกับรถกระบะ และได้รับความนิยมจากผู้บริโภคในบ้านเราเช่นกัน
จากความอเนกประสงค์ดังกล่าว ส่งผลให้ภาพรวมของตลาดพีพีวีเดินไปในทิศทางบวกหลังผ่านไตรมาสที่ 3 ของปี ถึงแม้ว่าจะมียอดขายในเดือนล่าสุดที่หดตัวลงถึง 36.4% สวนทางกับภาพรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ลดลงราว 7.4% เมื่อเทียบกับช่วงเลาเดียวกันของปีก่อนหน้า ด้วยยอดขายสะสมทั้งสิ้น 586,870 คัน
โดยผู้นำในตลาดพีพีวียังคงเป็น โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ที่เพิ่งเปิดตัวเวอร์ชันล่าสุดในเดือนสิงหาคม ปีที่ผ่านมา ภายใต้ทางเลือกที่หลากหลายใน 4 รุ่นหลัก ตอบโจทย์ความต้องการในรูปแบบและสไตล์ที่แตกต่างกันไป มาพร้อมการตอบรับที่ดีเยี่ยมจากผู้บริโภค เก็บเกี่ยวยอดขายไปได้ทั้งสิ้น 17,192 คัน ครองสัดส่วนราว 36.4 % ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า 14.1%
ไล่บี้โดย อีซูซุ มิว-เอ็กซ์ ที่สามารถเดินหน้าเก็บเกี่ยวยอดขายได้อย่างต่อเนื่อง หลังขยับตัวด้วยรุ่นใหม่ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ยกระดับการใช้งานด้วยเทคโนโลยีใหม่ ภายใต้รูปโฉมที่หรูหราทันสมัยยิ่งขึ้น ทั้งยังได้เพิ่มสีใหม่เข้ามาเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภค และยังคงไว้ซึ่งความนิยมด้วยความเหนียวแน่นของฐานแฟนอีซูซุ ส่งผลให้ มิว-เอ็กซ์ เดินหน้าเก็บยอดขายไปได้ 16,549 คัน เติบโตเพิ่มขึ้น 17.4% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ครองส่วนแบ่ง 35%
รวมถึงค่ายฟอร์ด ที่ยังคงไว้ซึ่งการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยความโดดเด่นทั้งในเรื่องรูปโฉมและสมรรถนะการใช้งาน ส่วนหนึ่งของการเติบโตได้อานิสงส์มาจากกระแสของรถกระบะประจำค่าย โดยการขยับตัวครั้งล่าสุดของ เน็กซ์-เจน เอเวอเรสต์ มาพร้อมการตอบรับที่ยอดเยี่ยมจากผู้บริโภค ส่งผลให้สามารถเดินหน้าโกยยอดขายไปได้ทั้งสิ้น 9,270 คัน ขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง 68.4% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า ขยับแชร์เพิ่มเป็น 19.6%
ขณะที่ตัวแทนจากค่ายมิตซูบิชิ อย่าง มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ซึ่งเวอร์ชันล่าสุดของหนึ่งในรถยอดนิยมของมิตซูบิชิ ทำตลาดมาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว ทั้งยังอยู่ในช่วงปลายโมเดลของรถรุ่นดังกล่าวแล้ว ส่งผลให้ยอดขายไม่ขยับตัวเท่าที่ควรจะเป็น สามารถเก็บเกี่ยวยอดขายไปได้เพียง 3,293 คัน หดตัวลงถึง 42.6% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า ครองส่วนแบ่ง 7.0%
ปิดท้ายด้วยทางเลือกจากค่ายนิสสัน อย่าง นิสสัน เทอร์ร่า ที่ทำตลาดมาเป็นเวลานานแล้วเช่นกัน นับตั้งแต่เปิดตัวในตลาดประเทศไทย ทว่าด้วยทิศทางการทำตลาดของนิสสันในตลาดประเทศไทย ส่งผลโดยตรงต่อยอดขายของรถรุ่นดังกล่าว ที่เก็บเกี่ยวไปได้เพียง 926 คัน ลดลงเล็กน้อยจากปีก่อน ราว 0.4% ครองสัดส่วน 2% ในตลาดพีพีวี จากส่วนแบ่งที่บรรดาผู้เล่นหลักแย่งชิงและถือครอง
จากสถานการณ์และทิศทางของอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทย ด้วยทางเลือกที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น บวกกับการเดินหน้าทำตลาดด้วยกลยุทธ์ด้านราคา โดยเฉพาะจากค่ายผู้ผลิตสัญชาติจีน จะยิ่งลดทอนสัดส่วนในตลาดของรถในหลากหลายเซ็กเมนต์ หากไม่มีการขยับตัวหรือเดินหน้าขับเคลื่อนกลยุทธ์ทางการตลาดที่น่าสนใจ