“ฟอร์ด” ปั้นนวัตกรปี 9 ชุดเก็บคราบน้ำมันชนะเลิศ
ชุดกักเก็บคราบนํ้ามันบนผิวนํ้าผลิตจากนํ้ายางพารา จากวิทยาลัยเทคนิคสุราษฎร์ธานี ได้รับรางวัลชนะเลิศระดับประเทศ ในปีที่ 9 ของโครงการ Ford+ Innovator Scholarship ภายใต้แนวคิดนวัตกรรมทางสังคมพลังบวกเพื่อยกระดับโลกให้น่าอยู่ เดินหน้าปั้นนวัตกรหน้าใหม่ ชิงทุนการศึกษามูลค่ารวม 840,000 บาท
ฟอร์ด ประเทศไทย ร่วมกับสมาคมพัฒนาประชากรและชุมชน รวมถึง สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ และบริษัท ทีวีบูรพา จำกัด สานต่อโครงการ Ford+ Innovator Scholarship เป็นปีที่ 9 โดยปีนี้เป็นการประกวดผลงานนวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์ในหัวข้อ นวัตกรรมทางสังคมพลังบวกเพื่อยกระดับโลกให้น่าอยู่ ชิงทุนการศึกษา 16 ทุน มูลค่ารวม 840,000 บาท
โดยในปีนี้เปิดกว้างให้นักเรียนและนักศึกษาจากชั้นมัธยมศึกษา อาชีวศึกษาและอุดมศึกษา มีโอกาสเข้าร่วมส่งไอเดียสิ่งประดิษฐ์มาประชันกัน ส่งผลให้มีทีมให้ความสนใจสมัครเข้าร่วมถึง 230 ทีม และมีทีมที่ผ่านการพิจารณาคัดเลือกเข้าสู่รอบสุดท้าย 10 ทีม ประกอบด้วย ทีมนักเรียนมัธยมศึกษา 4 ทีม ทีมนักเรียนอาชีวศึกษา 3 ทีม และทีมนักศึกษามหาวิทยาลัย 3 ทีม
ซึ่งทุกทีมที่ผ่านเข้ารอบ ได้รับการฝึกอบรมและคำแนะนำในการพัฒนาผลงาน เรียนรู้ทักษะการเป็นผู้ประกอบการและต่อยอดผลงาน พร้อมเสริมแกร่งทักษะการนำเสนอ โดยทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญจากฟอร์ด ผู้เชี่ยวชาญจากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ และผู้เชี่ยวชาญด้านการสื่อสารนวัตกรรมผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์จากทีวีบูรพา
ท้ายที่สุด รางวัลชนะเลิศระดับประเทศ ได้แก่ ผลงานนวัตกรรมชุดกักเก็บคราบนํ้ามันบนผิวนํ้าผลิตจากนํ้ายางพารา จากวิทยาลัยเทคนิคสุราษฎร์ธานี โดยโครงการนี้เกิดขึ้นจากความตั้งใจที่จะช่วยบรรเทาปัญหานํ้ามันรั่วในทะเล ซึ่งส่งผลเสียต่อระบบนิเวศทางทะเล ทีมนักศึกษาได้ออกแบบเครื่องกักเก็บคราบนํ้ามันด้วยแผ่นวัสดุที่ผลิตจากนํ้ายางพาราเพื่อซับและเก็บคราบนํ้ามันบริเวณชายฝั่งทะเลหรือรอบเกาะต่างๆ และใช้พลังงานแสงอาทิตย์ช่วยประหยัดพลังงาน ช่วยกักเก็บคราบนํ้ามันไม่ให้แพร่กระจายสู่ท้องทะเล
นางสาวกมลชนก ประเสริฐสม ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร ฟอร์ด ประเทศไทยและตลาดอาเซียน กล่าวถึงโครงการดังกล่าวว่า “ฟอร์ดภูมิใจที่ได้ร่วมส่งเสริมการขับเคลื่อนนวัตกรรมของเยาวชนไทยในโครงการ Ford+ Scholarship เป็นเรื่องน่ายินดีที่ได้เห็นเยาวชนตื่นตัวและให้ความสนใจส่งผลงานสร้างสรรค์นวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์เข้ามาจำนวนมาก เราได้เห็นศักยภาพและความตั้งใจของเยาวชนไทย จากการนำเสนอผลงานซึ่งมีโอกาสนำไปต่อยอดและประยุกต์ใช้ให้เกิดขึ้นได้จริง เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนในชุมชนและสังคม”