“มาสด้า” เติบโตต้นปี ชูรถใหม่กระตุ้นยอด
มาสด้า2 นำทัพไล่ล่ายอดขายกว่า 2,000 คัน ในเดือนมกราคม ดันต้นสังกัดเติบโตเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ปิดยอดขายประเดิมปีเสือที่ 3,230 คัน ชี้เป็นผลจากการปรับโฉมเพิ่มความสดใหม่ให้กับผลิตภัณฑ์ สีใหม่ แพลตทินั่ม ควอตซ์ ครองสัดส่วนกว่า 30% พร้อมเดินหน้าอัดแคมเปญกระตุ้นยอดขายต่อเนื่อง เสริมความแข็งแกร่งด้วย มาสด้า3 รุ่นปรับโฉม
การปรับโฉม เพิ่มออปชัน เป็นหนึ่งในแนวทางการทำตลาดที่บรรดาค่ายผู้ผลิตเลือกใช้เพื่อกระตุกยอดขาย แม้จะเป็นการขยับตัวเพียงเล็กน้อยก็สามารถกระตุ้นการตัดสินใจของผู้บริโภคได้เช่นกัน รวมถึงกลยุทธ์ด้านราคาที่ใช้ควบคู่กันเพื่อสร้างความน่าสนใจให้กับผลิตภัณฑ์
โดย มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) เป็นหนึ่งในค่ายที่เดินหน้าทำตลาดตั้งแต่ต้นปีด้วยรถรุ่นใหม่ๆ ในตลาด ต่อเนื่องจากช่วงปลายปีก่อนหน้า และได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคที่เริ่มจับจ่ายใช้สอย หลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 เริ่มคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้นเป็นลำดับ ซึ่งเป็นผลมาจากการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ที่เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนสังคมให้กลับมาใช้ชีวิตได้มากกว่าที่ผ่านมา
จากการปูพรมด้วยรถใหม่อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ค่ายมาสด้า ประเดิมปี 2565 ด้วยยอดขายรวม 3,230 คัน เติบโตเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมาราว 2% ทั้งยังเป็นการทำตัวเลขกลับไปสู่แดนบวกได้อีกครั้งในรอบ 6 เดือน จำแนกเป็น มาสด้า2 จำนวน 1,980 คัน, มาสด้า3 จำนวน 81 คัน, มาสด้า CX-3 จำนวน 462 คัน, มาสด้า CX-30 จำนวน 380 คัน, มาสด้า CX-8 จำนวน 169 คัน, มาสด้า CX-5 จำนวน 94 คัน และบีที-50 จำนวน 64 คัน โดยเป็นสีใหม่อย่าง แพลตทินั่ม ควอตซ์ กว่า 30%
นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “จากการโหมเปิดตัวแนะนำรถยนต์หลากหลายรุ่นลงสู่ตลาด ทั้งรถเก๋งและอเนกประสงค์รวม 4 รุ่น ส่งผลให้ยอดขายเดือนมกราคม ปรับตัวดีขึ้น ปัจจัยสำคัญคือ การปรับโฉม เพิ่มอุปกรณ์มาตรฐาน เพิ่มเทคโนโลยี แต่ขายราคาเท่าเดิม ทำให้เกิดความคุ้มค่า คุ้มราคามากที่สุด”
“รวมถึงคุณภาพของวัสดุเกรดพรีเมียมที่เลือกใช้ ส่งผลให้รถมาสด้าทุกรุ่นได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะมาสด้า2 ที่กลับมาได้รับความนิยมอย่างเห็นได้ชัดเจน รวมถึงในกลุ่มครอสโอเวอร์เอสยูวี อย่าง ซีเอ็กซ์-3 และ ซีเอ็กซ์-30 ที่เพิ่งปรับโฉมไป ขณะที่ ซีเอ็กซ์-5 และซีเอ็กซ์-8 ก็กลับมาเป็นโมเดลสำคัญที่ผลักดันให้ยอดขายมาสด้าเติบโตอย่างต่อเนื่อง”
ในช่วงที่ผ่านมาลูกค้ายังมีความต้องการซื้ออยู่เป็นจำนวนมาก ทว่าด้วยปัญหาการขาดแคลนชิ้นส่วนประกอบเซมิคอนดักเตอร์ ส่งผลให้หลายค่ายไม่สามารถผลิตรถได้เพียงพอต่อความต้องการได้ อย่างไรก็ดีจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญ มีแนวโน้มว่าจะถูกประกาศให้เป็นโรคประจำถิ่น ส่งผลให้โรคดังกล่าวจะสร้างปัญหาน้อยลง รวมถึงประชาชนที่ปรับตัวเข้ากับชีวิตวิถีใหม่ได้ดี ส่งผลให้มาสด้าสามารถกลับมาผลิตรถเพื่อส่งมอบให้ลูกค้าได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
“เราได้เตรียมแผนรับมือเพื่อผลักดันยอดขายให้เป็นไปตามเป้าหมาย โดยเฉพาะรถยนต์นั่ง มาสด้า3 ที่เตรียมปรับโฉมและเริ่มขึ้นไลน์การผลิตที่โรงงานออโต้อัลลายแอนซ์ จังหวัดระยอง เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า ซึ่งมีคิวเปิดตัวลงสู่ตลาดในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์นี้ และพร้อมส่งมอบรถใหม่ให้กับลูกค้าทันที เรามั่นใจว่าการปรับโฉมในครั้งนี้จะส่งผลให้ยอดขาย มาสด้า3 กลับมาเพิ่มสูงขึ้นอีกครั้ง ส่วนรถปิกอัพ บีที-50 เราได้วางแผนจัดกิจกรรมให้มากยิ่งขึ้นในแต่ละภูมิภาค เพื่อจัดกิจกรรมให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด” นายธีร์ ทิ้งท้าย
นอกจากนี้ มาสด้า ยังเสริมความแข็งแกร่งด้วยแคมเปญพิเศษเพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อ รวมถึงมอบสิทธิพิเศษให้กับลูกค้าที่นำรถเข้ารับบริการที่ศูนย์ฯมาสด้า ผ่านโปรแกรมผ่อนชำระ 0% นานสูงสุด 10 เดือน ชำระด้วยบัตรเครดิตรับเงินคืนสูงสุด 8,000 บาท และแลกคะแนนสะสม รับส่วนลดสูงสุด 13% ทั้งยังสามารถนำไปใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีสูงสุดถึง 30,000 บาท ตามมาตรการ ช้อปดี…มีคืน ภายในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ นี้