“มิตซูบิชิ” จัดอีเวนต์มิติใหม่ ทดสอบรถ “เอ็กซ์แพนเดอร์”
มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เปิดประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้าในการเข้าร่วมกิจกรรมทดสอบรถยนต์ในรูปแบบเวลากลางคืน เปิดมิติการขับขี่สุดท้าทายไปกับ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ เอชอีวี และมิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี ตะลุยทำภารกิจในแต่ละด่าน บนสนามทดสอบหนองค้อ แอร์ฟิลด์ จ.ชลบุรี
เรียกได้ว่าเป็นการเปิดประสบการณ์การขับขี่มิติใหม่กับงาน ‘Mitsubishi e:MOTION VERSE’ กิจกรรมทดสอบรถยนต์ในเวลากลางคืนที่ทางมิตซูบิชิ มอเตอร์ส จะพาลูกค้าคนพิเศษไปเปลี่ยนโลกกับการทดสอบรถยนต์ที่เต็มอิ่ม ครบทุกรสชาติ
ซึ่งภายในงานจะใช้รถยนต์ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ และมิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี รถยนต์อเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง รุ่นใหม่ ที่พร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่ที่สมบูรณ์แบบด้วย Mitsubishi e:MOTION (ELECTRIFIED MOTION การขับเคลื่อนที่ผสานไปด้วยพลังงานไฟฟ้า) ให้คุณสัมผัสการขับขี่ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง และมั่นใจทุกเส้นทาง ด้วยการทำงานร่วมกันของ 3 สุดยอดเทคโนโลยีจากมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ขุมพลังฟูลไฮบริด 7 DRIVE MODE และ AYC
ซึ่งรูปแบบในการทดสอบครั้งนี้ ผู้โชคดีทั้ง 45 ท่าน ได้ทดสอบในทุกรูปแบบอย่างที่ไม่เคยมีใครได้สัมผัสมากก่อน ให้ความรู้สึกเหมือนการผจญภัยตะลุยทำภารกิจในแต่ละด่าน บนสนามทดสอบยามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยอุปสรรค และแสง สี เสียง สุดอลังการ ณ สถานที่หนองค้อ แอร์ฟิลด์ จ.ชลบุรี โดยรูปแบบการทดสอบจะถูกแบ่งเป็นทั้งหมด 5 Missions สัมผัสประสบการณ์การขับขี่ที่ไม่เหมือนใคร และอาจไม่เคยได้สัมผัสในชีวิตประจำวัน ที่งาน Mitsubishi e:MOTION VERSE เปิดมิติการขับขี่สุดท้าทาย
เริ่มกับภารกิจแรก เพื่อทดสอบ CHARGE MODE การชาร์จไฟจากเครื่องยนต์เข้าแบตเตอรี่ ความสามารถที่ชาร์จไฟได้อย่างรวดเร็ว เพื่อให้ได้กำลังไฟฟ้าเต็ม ช่วยให้รถมีพละกำลังสูงสุด รวมถึงการวิ่งด้วย EV PRIORITY MODE วิ่งด้วยไฟฟ้า 100% สถานีนี้เป็นการจำลองเส้นทางที่มีสิ่งกีดขวาง เราต้องนำรถผ่านไปอย่างเงียบๆ ค่อยๆ ไปตามเส้นทางด้วยความสมูท เหมือนเราผ่านเส้นทางที่เหนือจินตนาการ ด้วยความเงียบของรถ ทำให้เรารู้สึกเหมือนลอยอยู่เหนือเมฆ ห้องโดยสารเงียบ นั่งสบาย
การทดสอบ TARMAC MODE ที่ให้พละกำลังสูงสุด โดยการทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังอย่างเต็มที่ โดยการทดสอบเป็นแบบปล่อยตัวทำความเร็วจากจุดหยุดนิ่ง รอสัญญาณไฟปล่อยตัว กดคันเร่งเต็มที่ สัมผัสได้ถึงแรง G ที่ส่งผ่านมาที่ผู้ขับขี่ นอกจากจะรับรู้ถึงความแรงแล้ว แต่สิ่งที่เราสัมผัสกับแสงสีที่เราวิ่งผ่านเหมือนผ่านเข้าไปอุโมงค์ไฟ บอกเลยว่ารถคันนี้สมรรถนะดีเยี่ยม เร่งแซงทันใจ แต่ก็รู้สึกถึงความปลอดภัยตลอดการขับขี่
ความตื่นเต้นเพิ่มขึ้นกับสถานีต่อมา เราจะได้ใช้งาน WET MODE พร้อมดูการทำงานของระบบ AYC ช่วยควบคุมการขับเคลื่อน และสมดุลขณะเข้าโค้ง ช่วยสร้างเสถียรภาพในการเข้าโค้งได้อย่างแม่นยำ ป้องกันอาการดื้อโค้งหรือท้ายปัด โดยระบบจะควบคุมการทำงานของทั้งล้อด้านในและนอกโค้งให้หมุนสัมพันธ์กัน
มาถึงสถานีที่ต้องบอกเลยว่า รถอเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง ส่วนใหญ่ไม่สามารถทำได้ เพราะต้องการประสิทธิภาพของช่วงล่างที่สามารถลุยได้ในพื้นผิวแบบลูกรัง ด้วยการใช้ GRAVEL MODE สนามทดสอบจะเป็นรูปแบบที่เราต้องวิ่งแบบ Slalom และการเข้าโค้งแคบแบบวงกลม พร้อมการจับเวลา ถึงเวลาในการทดสอบ ตัวรถแสดงประสิทธิภาพของช่วงล่างออกมาได้เป็นอย่างดี ควบคุมง่าย ช่วงล่างหนึบ เกาะถนนดีเยี่ยม ความหน่วงของพวงมาลัยดี สามารถควบคุมรถได้ง่าย รถนิ่ง ทำให้การขับขี่มีประสิทธิภาพที่ดีในสภาพพื้นผิวถนนที่ลื่นและขรุขระ
ถึงสถานีสุดท้าย ที่เรียกว่าท้าทายที่สุดกับสภาพเส้นทางสุดโหด ด้วยการจำลองสภาพพื้นผิว ทางโคลน ซึ่งการใช้ MUD MODE ของมิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ เอชอีวี ทั้ง 2 รุ่น ทำให้เราสามารถลุยผ่านอุปสรรคต่างๆ ไปได้ โดยที่เราเพียงปรับโหมดเท่านั้นเอง ตัวรถจะจัดการทุกอย่าง ทั้งกระจายแรงจากเครื่องยนต์ให้ทั้งสองล้อหน้าทำงานไปพร้อมกัน ให้อารมณ์เดียวกับรถขับเคลื่อนสี่ล้อ
ท้ายสุดจากการทดสอบภายในงาน มีกิจกรรมมากมายให้เราได้ร่วมสนุกแบบสุดมัน พร้อมกับศิลปิน ดารา ที่มอบความบันเทิงอย่างเป็นกันเอง และยังร่วมสนุกในการขับขี่ทดสอบอีกด้วย ซึ่งบอกเลยว่าถ้าใครพลาดงานนี้ น่าเสียใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะไม่รู้ว่าจะจัดขึ้นอีกครั้งเมื่อไหร่ แต่ที่แน่ๆ เราสามารถลงทะเบียนทดลองขับได้ที่โชว์รูมมิตซูบิชิทั่วประเทศ