“มิตซูบิชิ” ต่อยอดปณิธาน เติมระบบนิเวศป่าชายเลน
มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เดินหน้าคืนความสมบูรณ์สู่ธรรมชาติ ในโครงการ “Root for Sustainability: รากกล้าแห่งความยั่งยืน” ปีที่ 3 ด้วยการปลูกต้นโกงกางกว่า 12,000 ต้น บนพื้นที่ป่าชายเลน 16.57 ไร่ ณ ตำบลเกวียนหัก อําเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี
ด้วยปัญหาสภาพสิ่งแวดล้อมในปัจจุบันที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและการดำรงชีวิตของมนุษย์ ซึ่งหากให้เอ่ยถึงวิกฤติทางด้านสิ่งแวดล้อม เราคงจะนึกถึงปัญหาเด่น ๆ อย่างภาวะโลกร้อน การสูญเสียชั้นโอโซน การตัดไม้ทำลายป่า หรือมลพิษทางอากาศ ปัญหาเหล่านี้ล้วนเป็นที่จับตามองและเฝ้าระวังในไทยและทั่วโลก แต่ก็เกิดขึ้นมาจากการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรที่มากเกินไปตามจำนวนประชากรและความต้องการที่เพิ่มขึ้น
สำหรับประเทศไทย ถือเป็นแหล่งที่อุดมไปด้วยระบบนิเวศที่สมบูรณ์ มีสายพันธุ์พืชมากกว่า 14,000 ชนิด และเพิ่งค้นพบสายพันธุ์ใหม่อีก 202 ชนิด แต่ในช่วงปี 2557-2563 พันธุ์พืชกว่า 999 ชนิด ถูกคุกคาม และสูญพันธุ์ไป สะท้อนให้เห็นว่าความหลากหลายทางชีวภาพกำลังเข้าขั้นวิกฤติ และสร้างผลกระทบโดยตรงต่อสิ่งแวดล้อม
ซึ่งวิกฤติกังกล่าวนี้ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) ได้เล็งเห็นถึงปัญหาในเรื่องนี้เป็นสำคัญอันดับต้น ๆ จึงได้มุ่งรับมือปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ พร้อมขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็นสังคมคาร์บอนเป็นกลาง สอดคล้องกับความมุ่งมั่นดำเนินงานเพื่อสังคม ด้วยแนวคิด “สรรค์สร้าง เคียงข้าง สังคมไทย” ภายใต้หลักสำคัญ 3 ด้าน ได้แก่ การศึกษา สิ่งแวดล้อม และสุขภาพ
มร.โนโบรุ สึจิ ประธานคณะกรรมการ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ด้วยความมุ่งมั่นดำเนินการเชิงรุกเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย มีความภาคภูมิใจที่ได้ร่วมมือกับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ในโครงการปลูกป่าชายเลน เพื่อบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2593 และเป้าหมายการปล่อยแก๊สเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี 2608 โครงการปลูกป่าชายเลนของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง สอดคล้องกับความมุ่งมั่นของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ด้วยปณิธานที่จะรับผิดชอบต่อสังคมด้านสิ่งแวดล้อม โดยเรามีความมุ่งมั่นที่จะดำเนินโครงการปลูกป่าและดูแลรักษาป่าอย่างต่อเนื่องไปถึง 10 ปี พร้อมกันนี้ เรายังสนับสนุนโครงการธนาคารสัตว์น้ำในพื้นที่ เพื่อส่งเสริมระบบนิเวศของป่าชายเลนให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้นอีกด้วย”
มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เริ่มดำเนินโครงการ “Root for Sustainability: รากกล้าแห่งความยั่งยืน” เพื่อฟื้นฟูผืนป่าคืนธรรมชาติสู่สิ่งแวดล้อมในปี 2564 เริ่มต้นในจังหวัดชลบุรี สระแก้ว และนครราชสีมา ปัจจุบันโครงการนี้ประสบความสำเร็จในการปลูกต้นไม้หลากหลายสายพันธุ์บนพื้นที่มากกว่า 100 ไร่ มีเป้าหมายสร้างสิ่งแวดล้อมให้มีความสมบูรณ์ยั่งยืนยิ่งขึ้นเพื่อชุมชนท้องถิ่น
ดร.ปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าวว่า การปลูกป่าชายเลนเพื่อดูดซับแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะเรือนกระจก ถือเป็นหนึ่งในแนวทางที่ดีที่สุดที่จะช่วยลดแก๊สเรือนกระจก เนื่องจากป่าชายเลน 1 ไร่ มีศักยภาพในการดูดซับแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากถึง 9.4 ตัน จึงช่วยให้ลดการเกิดภาวะเรือนกระจกได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด นอกจากนี้ ป่าชายเลนยังช่วยปกป้องการพังทลายของชายฝั่งจากคลื่นและลม พร้อมกับช่วยรักษาสมดุลของระบบนิเวศชายฝั่งอีกด้วย
ในงานนี้ทางมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ยังได้นำรถรุ่นต่าง ๆ ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และประหยัดน้ำมัน มาใช้งานเพื่อสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ อีกด้วย ประกอบด้วย เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี รถยนต์ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด ที่ผสานการทำงานของเครื่องยนต์ และมอเตอร์ไฟฟ้า มอบการขับขี่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รองรับการโดยสารมากถึง 7 ที่นั่ง รวมถึง ออล นิว ไทรทัน ที่นำมาใช้ขนย้ายต้นกล้าไปปลูกยังพื้นที่ป่าชายเลน ด้วยขุมพลังจากเครื่องยนต์ใหม่ ให้พละกำลังมากกว่าเดิม เพิ่มการประหยัดน้ำมัน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมยิ่งขึ้น ให้ความแข็งแรง สมบุกสมบัน พร้อมลุยในทุกสภาพถนน และ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี รถยนต์ไฟฟ้าปลั๊ก-อิน ไฮบริด ที่สามารถจ่ายไฟฟ้าด้วยกำลังไฟมากสุด 1500 วัตต์ โดยถูกนำมาใช้จ่ายไฟฟ้าให้แก่เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในงานอีกด้วย