“รามอินทรา” ยกนิ้วให้ 612 เส้นทาง…การเปลี่ยนแปลง อนาคต…ที่น่าจับตามอง ความห่วงใย…ความมั่นคง
วันนี้…ยอมรับสับสนกับข่าวคราวของค่ายรถยนต์ เดี๋ยวมีข่าวเลิกผลิตเดี๋ยวมีข่าวไม่เลิก สุดท้ายก็เลิกแต่เลื่อนเวลาออกไป รวมถึงข่าวคราวของค่ายรถยนต์ซูบารุ ที่ประกาศเลิกโรงงานในเมืองไทย เหลือแค่นำเข้าจากญี่ปุ่น เข้ามาจำหน่ายแทน ซึ่งถ้าดูตามสถานการณ์แล้ว ก็ยังไม่รู้เลยว่า ถ้าเป็นเยี่ยงนี้…สุดท้ายแล้วจะยังคงดำรงอยู่อีกนานแค่ไหน เมื่อย้อนกลับไปดูยอดขายที่เหลืออยู่แค่หลักร้อยคัน ถ้าเป็นรถนำเข้าจากญี่ปุ่น ยังไม่รู้เลยว่า…ราคาจะเป็นอย่างไร เมื่อวันนี้มีคู่แข่งที่เป็นรถไฟฟ้า เป็นอีกทางเลือก รวมถึง…การทำธุรกิจในเมืองไทยหลังจากนี้ยังไม่รู้เลยว่า…จะเต็มที่แค่ไหน เพราะที่ผ่านมา…บอกตรงๆว่า เสียดายกับยอดขายที่เคยทะลุเกือบ 4,000 คัน จนล่าสุดเหลือแค่ 300 กว่าคันเท่านั้น
“รามอินทรา” นั้น ใกล้ชิดกับคนซูบารุเป็นอย่างมาก เพราะเป็นคนเข้าไปรับรู้ในส่วนของการบุกเบิก ในยุคที่ “หนุ่มวิน” ตวัน คำฤทธิ์ ได้รับการมอบหมายให้เป็นคนบุกเบิก และนำรถยนต์ซูบารุ เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของงานบางกอก มอเตอร์โชว์ จนปีแรกที่สามารถเก็บยอดจองได้ถึง 100 กว่าคัน แทบจะเท่ากับยอดขายได้ในหนึ่งปีเลยล่ะ ปีต่อมายอดจองขยับขึ้นเป็น 200 กว่าคัน รวมถึงสามารถเก็บเกี่ยวยอดขายในแต่ละปีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนผ่านไป 5 ปี รถยนต์ซูบารุ ก็มียอดขายกว่า 3,000 คัน และทำให้ตัดสินใจเปิดโรงงานผลิตในเมืองไทย เพียงแค่ระยะหลัง…ไม่รู้เกิดอะไรขึ้นกับแนวทางการบริหารที่ “หนุ่มวิน” เหมือนจะไม่ค่อยมีบทบาทสักเท่าไหร่ ทุกเรื่องเป็นนโยบายโดยตรงจาก “คนสิงคโปร์” รวมถึงการจะรับคนทำงาน ก็แทบไม่มีสิทธิ์อะไร เหมือนจะเหลือแค่รับรู้เท่านั้น และน่าจะเป็นต้นทางที่ทำให้ “หนุ่มวิน” ตัดสินใจสละโสดเอ้ย! สละเรือ ก้าวเดินออกจาก “ซูบารุ” แบบไม่ยอมหันหลังกลับมามองอีกเลย สุดท้าย…ก็มีวันนี้…วันที่รถยนต์ซูบารุ ย้อนเส้นทางเดิม
อีกค่ายที่ “รามอินทรา” ให้เป็นห่วง…จากข่าวครั้งแรกที่เหมือนจะไม่ใช่เรื่องจริง สุดท้ายกลายเป็นเรื่องจริง ก้อ…เป็นเรื่องของรถยนต์ซูซูกิ ที่วันนี้ชัดเจนแล้วว่า…ปลายปี 68 น่าจะโบกมืออำลากับโรงงานในเมืองไทย เหลือแค่เพียงนำเข้า ทำให้อดคิดถึงบรรยากาศของรถยนต์ซูซูกิไม่ได้ เพราะทุกวันนี้…แทบไม่เหลือยอดขายในตลาดรถยนต์เมืองไทย คงต้องติดตามดูกันต่อไปว่า…สุดท้ายแล้ว…เส้นทางของรถยนต์ซูซูกิ จะซ้ำรอยของรถจักรยานยนต์ซูซูกิหรือไม่? แต่ก็หวังว่าตราบใดที่ยังมี “เสี่ยลภ” วัลลภ ตรีฤกษ์งาม คุมทัพอยู่ ก้อ…ยังพอจะได้เห็นเส้นทางได้บ้าง ยังไงก็ยกนิ้วให้ “เสี่ยลภ” อยากเชียร์ให้สู้…สู้…นะครับ เพราะยังเชื่อ “ซูซูกิ” ยังเป็นแฟนพันธุ์แท้อยู่อีกเยอะแยะ
สู้…สู้…นะครับ “คนซูซูกิ”
มากกว่าขอบคุณ
“รามอินทรา”
บ้านชินเขต
12 มิถุนายน 2567