ลองขับ By OiL Hilux REVO-D Z-Edition ปิกอัพสไตล์ครอบครัว
ทุกวันนี้รถกระบะหรือปิกอัพ ไม่ได้มีไว้ใช้เพื่องานเชิงพาณิชย์อย่างเดียวอีกต่อไป เพราะปัจจุบันรถกระบะถูกเลือกใช้งานเป็นรถครอบครัวก็ได้ เนื่องจากตัวรถที่มีขนาดใหญ่กว่ารถยนต์นั่ง มีสมรรถนะเครื่องยนต์ที่แรงและประหยัดน้ำมันมากกว่า อีกทั้งยังสามารถบรรทุกสิ่งของ ตอบโจทย์กลุ่มคนทำงานที่ต้องซื้อรถปิกอัพมาใช้ทั้งเดินทางส่วนตัว ทำธุรกิจ เปิดท้ายขายของได้หมดในคันเดียว นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มผู้ชื่นชอบ “ความแรง” เริ่มหันมานิยมใช้รถปิกอัพเป็นพาหนะหลัก และถูกจับเสริมหล่อเพิ่มความดุดันให้เป็นรถ “ซิ่ง” ที่ขับสนุกขึ้น ค่ายรถยนต์ต่างๆ จึงไม่รีรอ รีบออกรถปิกอัพตัวเตี้ยรุ่นใหม่ๆ ตอบสนองความต้องการของคนกลุ่มนี้
มาวันนี้ทีมงานยวดยานจะพาไปทำความรู้จักกับรถปิกอัพตัวเตี้ยรุ่นใหม่ จากค่ายยักษ์ใหญ่โตโยต้า โดยรุ่นที่เราได้ทดลองขับกันในครั้งนี้ก็คือ เจ้าปิกอัพ Hilux
REVO-D Double Cab Z-Edition พร้อมพิสูจน์สมรรถนะกันบนเส้นทาง กรุงเทพฯ-เขาใหญ่ รวมระยะทางไป-กลับ กว่า 442 กิโลเมตร
เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เรามาเริ่มกันที่รูปโฉมหน้าตาของเจ้า Hilux REVO-D Double Cab Z-Edition คันนี้ ซึ่งดีไซน์ภายนอกบ่งบอกถึงเอกลักษณ์ในการดีไซน์ตามแบบฉบับของกระบะ โตโยต้า ดุดันด้วยกระจังหน้าสีดำเมทัลลิกและโครเมียม ไฟหน้า LED เปิด-ปิดแบบอัตโนมัติ กระจกมองข้างปรับไฟฟ้าพร้อมไฟเลี้ยว ไฟท้ายแบบ LED Light Guiding มาพร้อมโป่งล้อ Wide Body ล้ออัลลอย 17 นิ้ว พร้อมยาง Radial 215/55R17
มิติตัวถัง ขนาดความยาว 5,285 มม. กว้าง 1,855 มม. สูง 1,700 มม. ความยาวล้อ 3,085 มม. ในรุ่น 2.4Mid AT และ รุ่น 2.4Entry AT ระยะต่ำสุดจากพื้น 141 มม. (รุ่นเดิม 165 มม.) ปรับลดความสูงช่วงล่างลง 23 มม. ความจุถังน้ำมัน 80 ลิตร ซึ่งอีกหนึ่งจุดสำคัญของกระบะรุ่นนี้คือ ช่วงล่างใหม่ มาพร้อมระบบกันสะเทือน ด้านหน้าแบบอิสระ ปีกนกคู่ พร้อมคอยล์สปริงและเหล็กกันโคลง ด้านหลังแบบแหนบซ้อน พร้อมช็อคแอบซอร์บเบอร์ปรับจูนพิเศษ ในสไตล์ จีอาร์-สปอร์ต เพิ่มสมรรถนะการขับขี่ตามหลักอากาศพลศาสตร์ ลดอาการโคลงของตัวรถ ทรงตัวดีขึ้น ควบคุมบังคับแม่นยำขึ้น ตอบสนองการขับขี่ที่นุ่มหนึบแบบรถเก๋ง
นอกจากนั้น ในรุ่น Hilux REVO-D 4 ประตู ใหม่ ยังได้เพิ่มฟังก์ชันความปลอดภัยครบครัน ได้แก่ ระบบควบคุมการทรงตัว VSC, ระบบเสริมแรงเบรก BA, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC, ระบบควบคุมการส่ายของส่วนพ่วงท้าย TSC และระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC
ขยับมาที่ภายในห้องโดยสาร ดูไม่แตกต่างจากโฉมก่อนหน้า ด้วยสีโทนดำ แผงคอนโซลหน้าสีดำเมทัลลิกคาดด้วยแถบสีเงิน พวงมาลัยหุ้มหนัง แต่งแถบสีเงิน พร้อมสวิตช์ควบคุมเครื่องเสียง จอแสดงข้อมูลขับขี่แบบ TFT มีปุ่มสวิตช์เลือกโหมดการขับขี่ที่ปรับได้ ทั้ง Eco และ Power เครื่องเสียงพร้อมช่องเชื่อมต่อ USB หน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Resisitive รองรับ Apple CarPlay แผ่นกรองระบบปรับอากาศ PM 2.5 เข็มขัดนิรภัย 3 จุด ทุกตำแหน่ง
หัวใจในการขับเคลื่อนของ REVO-D Z-Edition ดีเซล 2.4 ลิตร รุ่นนี้ตั้งเครื่องยนต์ดีเซล รหัส 2GD-FTV ขนาด 2.4 ลิตร 2,393 ซี.ซี. VN-Turbo กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 3,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ที่ 1,600-2,000 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ให้สมรรถนะการขับขี่ที่ครอบคลุมทุกการใช้งาน ทั้งในเมืองและนอกเมือง
เข้าสู่โหมดทดลองขับ ด้วยผู้โดยสารที่มากถึง 4 คน พร้อมโหลดข้าวสารหลังกระบะอีก 50 กก. โดยผมขอเป็นพลนั่งก่อน ฟีลลิ่งหลังจากนั่งไปสักพักกับความรู้สึกที่แปลกไปจากการนั่งรถกระบะรุ่นอื่นๆ ที่เคยนั่งมา ด้วยการปรับเซตช่วงล่างที่นุ่มนวล ส่งผลให้ไม่สั่นสะเทือนเหมือนนั่งกระบะยกสูง อาการโยนค่อนข้างน้อย ด้วยความสูงที่เตี้ยลง และการปรับเซตของช่วงล่างใหม่ ส่งผลให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถได้แม่นยำ และมั่นใจมากขึ้น ขณะที่ผู้โดยสารทั้งด้านหน้าและหลังก็นั่งสบาย ไม่แข็งกระด้าง ให้ฟีลลิ่งเหมือนนั่งรถเก๋ง
ในโหมดการขับขี่ใช้ในชีวิตประจำวันถือว่าตอบโจทย์ อัตราเร่งดี ตอบสนองทันใจ พวงมาลัยควบคุมง่าย อาการโยนตัวของรถมีบ้างนิดหน่อยในสไตล์รถกระบะที่มีตัวรถยาวกว่ารถยนต์นั่ง พอปรับโหมดสปอร์ต ให้กำลังรอบที่สูงขึ้น อัตราเร่งมาไวขึ้น ขับสนุก ให้อารมณ์การขับขี่ที่เร้าใจมากยิ่งขึ้น
ในส่วนของออปชันที่ให้มา ด้วยคอนเซปต์เป็นรถใช้งานในชีวิตประจำวัน พาครอบครัวเดินทาง อุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ภายในรถ ดูจะน้อยไปสำหรับรถยนต์ยุคนี้ วัสดุรวมถึงออปชันต่างๆ ดูจะตัดทอนออกไปพอสมควร การเก็บเสียงในห้องโดยสารก็ถือว่าทำได้น่าพอใจ
สรุปเจ้า Hilux REVO-D Double Cab Z-Edition ถือว่าเป็นรถกระบะที่ตอบโจทย์ในด้านการใช้งานในชีวิตประจำวัน ช่วงล่างที่หนึบนุ่มขึ้น การปรับเซตช่วงล่างในสไตล์ จีอาร์ สปอร์ต ทำให้ตัวรถมีความเป็นรถบ้านมากกว่ารถกระบะบรรทุก ขับง่าย ขับสนุก ด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 2.4 ลิตร ที่ผสานกับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ก็เพียงพอต่อการขับขี่เดินทางในชีวิตประจำวัน หรือแม้กระทั่งการขับขี่ในระยะทางไกลๆ
ด้วยราคาค่าตัวที่ 8.25 แสนบาท กับออปชันเล็กๆ น้อยๆ ที่ขาดหายไป ซึ่งหากถ้ามองถึงความคุ้มค่าในด้านการใช้งาน อาจจะจะตัดสินใจยาก ทว่า ถ้ามาวัดกันโดยรวมแล้ว ในด้านคอนเซปต์ตัวรถที่ถูกออกแบบมาในสไตล์รถครอบครัว ก็ถือว่าเลือกได้ไม่ยาก ด้วยสมรรถนะ ช่วงล่าง ระบบความปลอดภัยขั้นพิ้นฐาน และออปชันที่ใส่มาให้ รวมๆ ก็ถือรถยนต์คันนี้ตอบโจทย์ตรงความต้องการ ด้วยรถกระบะที่ให้ความสะดวกสบายในการเดินทางกับครอบครัว รวมถึงสามารถบรรทุก และนำไปใช้งานประกอบอาชีพต่างๆ ได้อีกด้วย