#Post Title #Separator #Site Title

ค่ายฟอร์ด เติมเต็มไลน์อัพรถกระบะในประเทศไทย ด้วย ฟอร์ด เรนเจอร์ ไวลด์แทรค วี6 ที่มาภายใต้เครื่องยนต์ดีเซลขนาด 3.0 ลิตร สร้างความแตกต่างและเพิ่มความโดดเด่นให้กับผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นทางเลือกเดียวในตลาดประเทศไทยที่มาภายใต้ขุมพลังดังกล่าว นับเป็นการขยับตัวที่น่าสนใจ และเป็นแนวทางการทำตลาดของฟอร์ดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ที่พร้อมนำเสนอสิ่งใหม่ให้กับผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง

สำหรับรูปร่างหน้าตายังคงไว้ซึ่งความดุดันในสไตล์ไวลด์แทรค เพิ่มความสดใหม่ด้วยล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ขนาด 20 นิ้ว ภายในห้องโดยสารแสดงความเป็นตัวตนด้วยการเดินด้ายสีส้มตัดกับสีดำภายในห้องโดยสาร ไล่เลียงจากแผงแดชบอร์ด, เบาะนั่ง, คอนโซลกลาง, พวงมาลัย และแผงข้างประตู รวมถึงตัวอักษร WILDTRAK บนพนักพิงเบาะคู่หน้า และแผงแดชบอร์ดบริเวณช่องเก็บของ

เติมเต็มการใช้งานที่หลากหลายยิ่งขึ้นตามยุคสมัย ด้วยระบบไฟส่องสว่างแบบแบ่งโซน (Zone Lighting) รองรับการใช้งานในที่มืดหรือในเวลากลางคืน สามารถควบคุมการใช้งานได้อย่างสะดวกผ่านหน้าจอกลางขนาด 12.0 นิ้ว ยกระดับสมรรถนะการใช้งานด้วยฟังก์ชันที่ครบครันตามแบบฉบับของรถกระบะยุคปัจจุบัน ที่ไม่ได้เน้นที่ความสมบุกสมบันและความสามารถในการบรรทุกเพียงอย่างเดียว

ตอบสนองการใช้งานด้วยขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล V6 ขนาด 3.0 ลิตร เทอร์โบ รองรับมาตรฐาน Euro 5 มาพร้อมพละกำลังสูงสุด 250 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 600 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด แบบ E-Shifter เติมเต็มการใช้งานด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ Full-Time 4A-4WD ตอบโจทย์การลากจูงและการขับขี่สไตล์ออฟโรด รวมถึงเบรกมือไฟฟ้าพร้อมระบบเบรกรถอัตโนมัติชั่วคราว เพิ่มความปลอดภัยและสะดวกสบายให้กับ ฟอร์ด เรนเจอร์ ไวลด์แทรค วี 6

โดย “หนังสือพิมพ์ยวดยาน” ได้ทดสอบการใช้งานทั้งบนเส้นทางออนโรด และออฟโรด ซึ่ง ฟอร์ด เรนเจอร์ ไวลด์แทรค วี6 เติมเต็มความมั่นใจให้กับการขับขี่ด้วยการตอบสนองที่ยอดเยี่ยมของพวงมาลัย รวมถึงระบบเกียร์ที่ผสานการทำงานร่วมกับขุมพลังใหม่ได้อย่างยอดเยี่ยม ส่วนฟังก์ชันการใช้งานอื่นๆ ก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจ ตามแบบฉบับของรถกระบะในยุคปัจจุบันควรจะเป็น

ทว่าส่วนตัวยังอยากได้ความดุดันของเครื่องยนต์มากกว่าที่เป็นอยู่ เนื่องจากคันเร่งยังมีการหน่วงเล็กน้อย ส่งผลให้การเร่งแซงในบางจังหวะนั้น ไม่สามารถทำได้อย่างปลอดภัยและสบายใจนัก แต่สิ่งที่ยกระดับได้อย่างยอดเยี่ยมนั้นคือแรงลากจูงที่ทำได้อย่างยอดเยี่ยม เห็นได้ใช้เจนในช่วงที่ขับขี่ขึ้นเขาที่เป็นโค้งพับผ้า บวกกับความคล่องตัวของพวงมาลัยช่วยให้ขับขี่ได้ง่ายและปลอดภัยยิ่งขึ้น

อีกหนึ่งความเปลี่ยนแปลงที่ชื่นชอบคือระบบกล้อง 360 องศา ที่ช่วยให้ใช้งานได้คล่องตัวยิ่งขึ้น โดยเฉพาะบนเส้นทางออฟโรดที่อาจจะต้องเจอมุมบอด รวมถึงฝุ่นจากคันหน้าที่ส่งผลต่อวิสัยทัศน์ในการขับขี่ รวมถึงระบบไฟส่องสว่างแบบแบ่งโซนที่คอนโทรลได้จากจอควบคุมกลาง เติมเต็มความครบครันให้กับรถกระบะในยุคปัจจุบัน อาจจะมีเรื่องราคาค่าตัวที่เป็นตัวชะลอการตัดสินใจจับจองเป็นเจ้าของเพียงเท่านั้น