“ฮอนด้า” ยังแรงต่อเนื่อง แท็กทีมครองตลาดเอสยูวี
ยานยนต์ค่ายฮอนด้ายังคงครองผู้นำตลาดเอสยูวีในประเทศไทย หลัง ฮอนด้า ซีอาร์-วี และ ฮอนด้า เอชอาร์-วี ควงคู่เดินหน้าเก็บเกี่ยวยอดขายได้อย่างเนื่อง หลังผ่าน 8 เดือน โดย ฮอนด้า ซีอาร์-วี ครองเจ้าตลาดซี-เอสยูวี ด้วยยอดขายสะสม 3,036 คัน ขณะที่ ฮอนด้า เอชอาร์-วี ครองตลาดบี-เอสยูวี หลังโกยไปแล้วทั้งสิ้น 15,942 คัน
ภาพรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทย หลังผ่าน 8 เดือน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า ราว 6.2% ด้วยยอดขายสะสมทั้งสิ้น 524,784 คัน ทว่า ตลาดรถยนต์นั่งกลับมีอัตราเติบโตสวนทางกับภาพรวมของตลาด ด้วยยอดขายที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น 9.4% ตอกย้ำความนิยมของรถเก๋งและรถเอสยูวีที่ยังคงเป็นทางเลือกอันดับต้นๆ ของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน
โดยในกลุ่มรถยนต์อเนกประสงค์เอสยูวี ยังคงเป็นทางค่ายฮอนด้า ที่ครองตลาดทั้งในกลุ่มซี-เอสยูวี และบี-เอสยูวี จากผลงานของ ฮอนด้า ซีอาร์-วี ที่เก็บยอดขายเพิ่มในเดือนสิงหาคมไปได้ 658 คัน ส่งผลให้มียอดขายสะสมทั้งสิ้น 3,036 คัน เหนือกว่า ฮาวาล เอช6 ที่ครองอันดับ 2 ในตลาดซี-เอสยูวี ด้วยยอดขายสะสม 2,382 คัน จากภาพรวมของตลาดในเซ็กเมนต์ดังกล่าวที่มีทั้งสิ้น 8,443 คัน
ขณะที่ ฮอนด้า เอชอาร์-วี ยังคงเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ในกลุ่มบี-เอสยูวี โดยในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา สามารถเก็บเกี่ยวยอดขายไปได้ 1,727 คัน ส่งผลให้ล่าสุดมียอดขายสะสมทั้งสิ้น 15,942 คัน เหนือกว่าคู่แข่งอย่าง โตโยต้า โคโรลล่า ครอส ที่มียอดขายสะสมทั้งสิ้น 13,398 คัน ควงคู่ทิ้งห่าง นิสสัน คิกส์ ที่รั้งอันดับ 3 มียอดขายทั้งสิ้น 3,814 คัน จากภาพรวมของตลาดทั้งสิ้น 45,166 คัน
สำหรับ ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ มาภายใต้ดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ ผสานความสปอร์ตพรีเมียมด้วยกระจังหน้าดีไซน์ใหม่ สีดำ Piano Black และกระจังหน้าสีดำ Piano Black ตกแต่งด้วยโครเมียม, กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว ปรับไฟฟ้าพร้อมพับเก็บอัตโนมัติ, ไฟหน้าและไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED และไฟเลี้ยวด้านหน้าแบบ LED Sequential รวมถึงไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED และไฟท้ายแบบ LED
ตามยุคสมัยด้วยหลังคาซันรูฟไฟฟ้าแบบพาโนรามา สะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วยฝากระโปรงท้ายเปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้าแบบแฮนด์ฟรี พร้อมระบบปิดอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมตอยู่ห่างจากตัวรถ เติมเต็มด้วยเสาอากาศครีบฉลาม รวมถึงปลอกท่อไอเสียสเตนเลสคู่ และล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ต ขนาด 18 นิ้ว
ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง เติมเต็มด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายระดับพรีเมียม โดดเด่นด้วยชุดตกแต่งภายในที่พรีเมียม เสริมลุคสปอร์ตรุ่น RS ด้วยชุดตกแต่งภายในลายอะลูมิเนียมปัดเงาและสีดำ Piano Black เบาะหนังสีดำตกแต่งด้วยด้ายสีแดง พวงมาลัยสีดำตกแต่งด้วยด้ายสีแดง และแป้นเหยียบคันเร่งและเบรกแบบสปอร์ต
มีให้เลือกทั้งแบบระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ อัตโนมัติ ภายใต้ 2 ขุมพลังทางเลือก ได้แก่ ฟูลไฮบริด e:HEV ผสานการทำงานอันทรงพลังร่วมกันของมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว กับเครื่องยนต์ใหม่ขนาด 2.0 ลิตร Direct Injection Atkinson-Cycle DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว และเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร Direct Injection DOHC VTEC TURBO 4 สูบ 16 วาล์ว ทุกรุ่นย่อยมาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง
ส่วน ฮอนด้า ดับเบิลยูอาร์-วี ใหม่ ชูความสปอร์ตโฉบเฉี่ยว ด้วยกระจังหน้าโครเมียม มือจับประตูด้านนอกสีเดียวกับตัวรถ ไฟหน้าพร้อมไฟเลี้ยวด้านหน้าแบบ LED Sequential และไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED และไฟท้ายแบบ LED รวมถึงระบบเปิด-ปิด ไฟหน้าอัตโนมัติ กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว ปรับและพับไฟฟ้า ระบบปัดน้ำฝนด้านหน้าแบบหน่วงเวลา และระบบปัดน้ำฝนด้านหลัง
ภายในห้องโดยสารสปอร์ตพรีเมียม ด้วยวัสดุตกแต่งภายในสีดำ Piano black และตกแต่งแถบสีเงิน มือจับประตูด้านในสีเงิน เบาะนั่งคนขับปรับระดับสูง-ต่ำได้ วัสดุหุ้มเบาะหนังสังเคราะห์สีดำ ตกแต่งด้วยผ้าและด้ายสีน้ำเงิน พวงมาลัยหุ้มหนัง ตกแต่งด้วยด้ายสีน้ำเงิน ปรับระดับสูง-ต่ำได้
ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว ผสานกับระบบเกียร์ CVT ที่ได้รับการพัฒนา ให้กำลังสูงสุด 121 แรงม้า ที่ 6,600 รอบ/นาที สร้างแรงบิดสูงสุด 145 นิวตันเมตร ที่ 4,300 รอบ/นาที มาพร้อมอัตราการบริโภคเชื้อเพลิง 16.7 กิโลเมตร/ลิตร ทุกรุ่นย่อยมาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง