“ฮอนด้า” รุกมอ’ไซค์ ไฟฟ้า ตั้งเป้าเปิด 10 รุ่น ภายใน 3 ปี
“ฮอนด้า” ประเทศญี่ปุ่น เดินหน้าพัฒนารถจักรยานยนต์ไฟฟ้า เตรียมเปิดตัวรุ่นใหม่กว่า 10 รุ่น ภายในปี 2025 พร้อมตั้งเป้าจำหน่ายรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า 1 ล้านคันต่อปีภายใน 5 ปีข้างหน้า และยอดจำหน่าย 3.5 ล้านคันต่อปี ภายในปี 2030
ฮอนด้า มอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่น ประกาศแผนงานสำหรับธุรกิจรถจักรยานยนต์ โดยวางเป้าหมายสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ด้วยการพัฒนารถจักรยานยนต์ไฟฟ้าหลากหลายรูปแบบ เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคทั่วโลกที่มีความต้องการแตกต่างกัน เตรียมเปิดตัวรถจักรยานยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ไม่น้อยกว่า 10 รุ่น ภายในปี 2025 พร้อมกับตั้งเป้าจำหน่ายรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า 1 ล้านคันต่อปีภายใน 5 ปีข้างหน้า และยอดจำหน่าย 3.5 ล้านคันต่อปี ภายในปี 2030
ทั้งนี้ นโยบายธุรกิจรถจักรยานยนต์ของฮอนด้าถูกแบ่งออกเป็น 3 หัวข้อสำคัญ ประกอบด้วย การมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน การสร้างสรรค์ยานยนต์ไฟฟ้า และการทำให้การใช้รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น โดยมีรายละเอียดดังนี้
การมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน
– ฮอนด้า ยังคงพัฒนารถจักรยานยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายในที่ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ไปพร้อมกับการพัฒนารถจักรยานยนต์ที่สามารถใช้พลังงานที่สร้างความเป็นกลางทางคาร์บอน โดยในปัจจุบันได้เริ่มต้นแล้วในประเทศบราซิล
การสร้างสรรค์ยานยนต์พลังงานไฟฟ้า
– ฮอนด้า เตรียมนำเสนอรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าไม่น้อยกว่า 10 รุ่นภายในปี 2025 พร้อมกับตั้งเป้าหมายจำหน่ายรายปี 1 ล้านคันภายใน 5 ปีข้างหน้า และ 3.5 ล้านคัน ภายในปี 2030 โดยจะมีทั้งรถคอมมิวเตอร์ที่ขับขี่ในเมือง ไปจนถึงรถขนาดใหญ่ สำหรับขับขี่เพื่อความนุก รวมถึงรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าสำหรับเด็กด้วย
การทำให้รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น
– ฮอนด้า จะส่งเสริมโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการชาร์จแบตเตอรี่ให้มีความแพร่หลาย รวมถึงการส่งเสริมการใช้แบตเตอรี่ร่วมกันของแบรนด์ต่างๆ
– ร่วมกำหนดมาตรฐานแบตเตอรี่แบบสลับเปลี่ยนได้
นอกจากนี้ ฮอนด้ายังพร้อมเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์ เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่สนุก สะดวกสบาย ผ่านการเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ฮอนด้ายังคงมีการผลิตมอเตอร์ไซค์เครื่องสันดาป (น้ำมัน) อยู่ เพียงแต่จะเพิ่มสัดส่วนการผลิตรถมอเตอร์ไซค์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมให้มากขึ้น โดยจะมีการออกรถมอเตอร์ไซค์ที่ใช้เชื้อเพลิงแบบยืดหยุ่นได้มากขึ้น คือ ใช้ได้ทั้งน้ำมัน E20 และ E100 ภายในปี 2023 และปี 2025