“เทสล่า” เปิดหัว 2 รุ่น บุกตลาดยานยนต์ไทย
เทสล่า ยักษ์ใหญ่ยานยนต์ไฟฟ้าสัญชาติอเมริกัน ประกาศตัวทำตลาดในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ประเดิมส่งยานยนต์ไฟฟ้ารุ่นขายดี อย่าง โมเดล3 และโมเดลวาย ทำตลาดด้วยราคารุ่นเริ่มต้นต่ำกว่า 2 ล้านบาท เปิดจองออนไลน์ และเริ่มส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2566 ขณะแผนงานระยะยาวของบริษัท ยังคงไม่มีการเปิดเผยรายละเอียด
หลังจากเข้ามาจดทะเบียนตั้งบริษัทเทสล่า ในไทยช่วงต้นปีที่ผ่านมา ล่าสุด เทสล่า ประเทศไทย (Tesla) เปิดตัวผลิตภัณฑ์รถยนต์ไฟฟ้าในไทยอย่างเป็นทางการ ประเดิมทำตลาด 2 รุ่นแรก ประกอบไปด้วย โมเดล3 และโมเดลวาย โดยถือฤกษ์วันที่ 8 ธันวาคม เผยโฉมรถทั้ง 2 รุ่น ณ ศูนย์การค้าสยามพารากอน
สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า โมเดล3 จะวางจำหน่ายด้วยกันทั้งสิ้น 3 รุ่นย่อย คือ โมเดล3 Rear Wheel Drive หรือรุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง มอเตอร์ตัวเดียว ราคา 1,759,000 บาท, รุ่น Long Range มอเตอร์ 2 ตัว ขับเคลื่อน 4 ล้อ All Wheel Drive ขับขี่ได้ไกลสุด ต่อการชาร์จไฟ 1 ครั้ง 681 กม. ราคา 1,999,000 บาท และรุ่นท็อปสุด Performance มอเตอร์ 2 ตัว ขับเคลื่อน 4 ล้อ All Wheel Drive อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 3.3 วินาที และทำความเร็วสูงสุดที่ 261 กม./ชม ราคา 2,309,000 บาท
ส่วนอีกหนึ่งรุ่น โมเดลวาย ทำตลาดในไทยด้วยกัน 3 รุ่นย่อยเช่นกัน ประกอบด้วย Rear Wheel Drive หรือรุ่นมอเตอร์ตัวเดียว ขับเคลื่อนล้อหลัง ราคา 1,959,000 บาท, รุ่น Long Range มอเตอร์ 2 ตัว ขับเคลื่อน 4 ล้อ All Wheel Drive ระยะทางใช้งานสูงสุดต่อการชาร์จไฟ 1 ครั้ง 623 กิโลเมตร ราคา 2,259,000 บาท และรุ่น Performance มอเตอร์ 2 ตัว ขับเคลื่อน 4 ล้อ All Wheel Drive อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. 3.7 วินาที และความเร็วสูงสุดที่ 250 กม./ชม. ราคา 2,509,000 บาท
ส่วนออปชันต่างๆ เทสล่าจะเผยรายละเอียดเฉพาะสำหรับเวอร์ชันที่จำหน่ายในไทยหลังจากนี้ แต่ออปชันหลักๆ เช่น หน้าจอสัมผัสขนาด 15 นิ้ว แอปพลิเคชัน Tesla และ Autopilot ระบบความบันเทิงอย่าง YouTube Netflix และเกมอาร์เคด
ระบบควบคุมรถผ่านแอปพลิเคชัน Tesla บนมือถือ เช่น ควบคุมการชาร์จ อุณหภูมิ และการรับรองความปลอดภัยด้วยโหมด Sentry
ส่วนกิจกรรมเปิดตัวครั้งนี้ เทสล่าไม่ได้ให้รายละเอียดในการทำธุรกิจมากนัก โดยผู้บริหารกล่าวบนเวทีว่า พร้อมรับจองทันที และจะเริ่มต้นส่งมอบได้ในช่วงไตรมาสแรก 2566 และมีแผนจะเปิดศูนย์บริการ เซอร์วิส เซ็นเตอร์ 1 แห่ง ในช่วงไตรมาสแรกปีหน้า และเปิดสถานีชาร์จอีก 1 แห่ง เดือนกุมภาพันธ์ 2566 และจะเพิ่มเป็น 10 แห่ง ภายในปีดังกล่าว โดยการชาร์จ 15 นาที รองรับการขับขี่ได้ 275 กม.