โซ่หลุด ฉบับ 1,006 ด้วยรักและห่วงใย ยกมือเชียร์ “ซูซูกิ” อยากเห็นความคึกคัก
“โซ่หลุด” จับกระแสของแวดวงคนมอเตอร์ไซค์ ก้อ…มีแนวโน้มที่น่าจะยินดี เมื่อได้เห็นความคึกคัก ถึงแม้จะเป็นความคึกคักของรถใหญ่มากกว่ารถบ้าน แต่…อย่างน้อยก็เป็นเหมือนสิ่งบอกเหตุ…ปีหน้ารถจักรยานยนต์จะมีความคึกคักอย่างแน่นอน แม้จะมีข่าวเรื่องของโควิด-19 กับเพื่อนพ้อง ยังไม่ยอมโบกมือลา แต่ความหวาดกลัวก็ลดน้อยลงไป รวมถึง…การเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยว ที่ประเทศไทยกลายเป็นประเทศที่เป็นเป้าหมาย และส่งผลเป็นอย่างยิ่งต่อการที่ได้เห็นคนไทยมีความคึกคัก และมีช่องทางทำมาหากินมากขึ้น
รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะของคนที่หาเช้ากินค่ำซะส่วนใหญ่ เมื่อการทำมาหากินกลับมา “โซ่หลุด” ก็เชื่อว่ารถจักรยานยนต์จะกลับมาขายได้ขายดีตามไปด้วย เพียงแต่…น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่งกับค่ายซูซูกิ ที่วันนี้แตกต่างจากวันวานโดยสิ้นเชิง การเปลี่ยนถ่ายบริษัท น่าจะส่งผลเป็นอย่างยิ่งต่อการขับเคลื่อน เมื่อ “คนบริหาร” วันนี้…ยังไม่ได้เห็นศักยภาพอะไรแบบชัดเจน ที่จะทำให้รถจักรยานยนต์ซูซูกิ กลับสู่วังวนความคึกคัก เวลาที่ผ่านมา…เหมือนไม่มีอะไรให้จับต้อง ทั้งๆ ที่ “คนบริหาร” ก้อ…ไม่ใช่คนนอกวงการ เป็นคนที่คลุกคลีกับแวดวงนี้มาอย่างยาวนาน แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นถึง…ปล่อยผ่านเวลาแบบไม่มีความน่าสนใจให้ได้เขียนถึง
“โซ่หลุด” เขียนถึง “ซูซูกิ” ด้วยเพราะยืนยันทุกครั้งว่า เป็นกองเชียร์มานาน เป็นอีกค่ายหนึ่งที่มีความผูกพัน ถ้าจำไม่ผิด…เป็นค่ายที่มีความผูกพันมาก่อนค่ายใดๆ วันเวลาที่เปลี่ยนผ่านกว่า 30 ปี…ไม่ได้ทำให้รู้สึกเปลี่ยนไป เมื่อเห็น “ซูซูกิ” ในวันนี้…จึงอดเป็นห่วงไม่ได้ อีกประการ ยังเชื่อว่า… “ซูซูกิ” เป็นอีกรถจักรยานยนต์คันที่ “คนไทย” ยังรู้สึกผูกพัน ยังรู้สึกอยากเป็นเจ้าของ ไม่รู้ข้อเขียนจะไปสะกิดต่อมความรู้สึกของใครบ้างหรือไม่? ไม่เชื่อก็ลองย้อนเส้นทาง ตั้งแต่เปลี่ยนผ่านมีอะไรเปลี่ยนแปลงให้จับต้องในมุมบวกบ้างมั้ย?
บทสรุป… “โซ่หลุด” ยืนยัน ยังยกมือเชียร์รถจักรยานยนต์ซูซูกิ มีอะไรอยากให้ “ยวดยาน” นำเสนอความเคลื่อนไหว ทั้งของผลิตภัณฑ์ และคนบริหาร ด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่ง หรือจะบอกผ่าน “เก่ง” ระพี พรเจริญมุสิกุล ก็ได้ เพราะยังไงก็ยังกริ๊งกร๊างคุยกันอยู่เสมอๆ แหม…ก็ยังห่วงใยและผูกพันกันนั่นแหละ
รักและห่วงใย “ซูซูกิ” จริงๆ นะครับ