“โตโยต้า” ปลื้มไฮบริด ตอบโจทย์ตรงใจผู้ใช้รถ
โตโยต้าปลื้มตลาดเอชอีวีเติบโต ส่งยอดขาย 9 เดือน เกือบแตะแสนคัน ขยับสัดส่วนในตลาดรถยนต์นั่งทะลุ 20% ดันส่งออกพุ่งกว่าร้อยละ 400 เชื่อคนอยากใช้รถยนต์ที่เป็นพลังงานทางเลือกเพิ่มมากขึ้น แต่ยังไม่เชื่อใจในทิศทางของรถยนต์ไฟฟ้า 100% หรือ EV จึงตัดสินใจเลือกเป็นเจ้าของไฮบริด
สถานการณ์ตลาดรถยนต์ในบ้านเราที่หดตัวลงอย่างรุนแรง จากสภาพเศรษฐกิจที่ยังคงย่ำแย่ ส่งไปถึงปัญหาหนี้ครัวเรือนที่พุ่งสูง สอดคล้องไปถึงสินเชื่อ ไฟแนนซ์ ที่ควบคุมเข้มงวดมากขึ้น ส่งผลกระทบไปถึงยอดกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ลดลง
อย่างไรก็ดี มีหนึ่งเซ็กเมนต์ในตลาดรถยนต์ที่เติบโตสวนทางตลาด นั่นก็คือ เอชอีวี หรือ ไฮบริด มีอัตราการเติบโตที่ดีมากๆ ช่วง 9 เดือน (มกราคม-กันยายน 2567) เติบโตถึง 50.32% โดยทำยอดขายได้ถึง 90,740 คัน สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งขายได้แค่ 60,365 คัน ขณะที่ตัวเลขส่งออกไฮบริดก็โตมากกว่า 400% ช่วง 9 เดือนปีที่แล้ว ส่งออกได้แค่ 7 พันกว่าคัน มาช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ส่งออกทำได้ถึง 37,530 คัน
นายศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย กล่าวว่า ตลาดรถยนต์เดือนกันยายน 2567 มียอดขาย 39,048 คัน ลดลง 37.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา กลุ่มตลาดรถยนต์นั่งเติบโตลดลงที่ 38.4% ด้วยยอดขาย 15,668 คัน ตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ ลดลงเช่นกัน ที่ 36.2% ด้วยยอดขาย 23,380 คัน และตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน ยอดขาย 13,972 คัน ลดลง 40.1%
แต่ในส่วนของตลาดรถเอชอีวีหรือไฮบริด ซึ่งเป็นเซ็กเมนต์หนึ่งในตลาดรถยนต์นั่งยังไปได้สวย ทั้งนี้ เชื่อว่าตลาดรถยนต์โดยรวมของเดือนตุลาคม จะมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นจากเดือนกันยายน โดยเฉพาะการประกาศลดอัตราดอกเบี้ยจากธนาคารกลาง รวมถึงการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่และโปรโมชันการขายที่น่าสนใจจากหลากหลายค่ายรถยนต์ อาจมีส่วนช่วยกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า สำหรับยอดผลิตรถยนต์เพื่อการส่งออกในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-ก.ย.) พบว่ามีจำนวนทั้งสิ้น 768,887 คัน ในจำนวนนี้แบ่งเป็น รถกระบะ จำนวน 440,662 คัน มีสัดส่วน 57.31% ลดลง 9.85% จาก 488,791 คัน
รถยนต์นั่งเครื่องยนต์สันดาป (ICE) จำนวน 189,114 คัน มีสัดส่วน 24.60% ลดลง 20.01% จาก 236,426 คัน, รถยนต์นั่งเครื่องยนต์ไฮบริด (HEV) จำนวน 37,530 คัน มีสัดส่วน 4.88% เพิ่มขึ้น 410.20% จาก 7,356 คัน, รถยนต์ปิกอัพดัดแปลง (PPV) จำนวน 101,581 คัน มีสัดส่วน 13.21% เพิ่มขึ้น 13.72% จาก 89,326 คัน
“ตลาดรถไฮบริดที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นเพราะระยะหลังค่ายรถยนต์เริ่มผลิตรถที่มี ซี.ซี. ต่ำกว่า 2,000 ซี.ซี. ซึ่งทำให้ราคาจับต้องได้ง่ายขึ้น ประกอบกับผู้บริโภคที่ชื่นชอบความประหยัดและรักษ์โลก ใจจริงอยากเลือกใช้รถยนต์ไฟฟ้า แต่ยังมีข้อจำกัดเรื่อง อีวี อีโคซิสเต็ม โดยเฉพาะสถานีชาร์จไม่เพียงพอ เบี้ยประกันภัยสูง และราคาขายต่อตกต่ำ จึงตัดสินใจเลือกรถยนต์แบบไฮบริด ซึ่งให้อรรถประโยชน์มากกว่าและสะดวกต่อการใช้งาน”