“โตโยต้า” หั่นเป้า 6.5 แสนคัน เตรียมส่ง “คัมรี่” เปิดปลายปี
สถานการณ์ตลาดรถยนต์ในประเทศไทยอยู่ในภาวะชะลอตัวอย่างหนัก เห็นได้จากยอดสะสมขายในช่วงครึ่งปีแรกที่ลดลงกว่า 24% ส่งผลให้ยักษ์ใหญ่อย่างโตโยต้า จำเป็นต้องปรับเป้าประมาณการตัวเลขตลาดรวมรถเหลือ 650,000 คัน เผยปัจจัยบวกส่งผลตัวเลขประมาณการขายตลาดรวมรถยนต์ไทยปีนี้ ระบุหากผู้บริโภคสนใจซื้อรถอีวีอย่างต่อเนื่อง หลังเริ่มประกอบและผลิตในไทยจะส่งผลดีต่อตลาด เช่นเดียวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ
นายศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีแรกตลาดรวมรถยนต์ปรับตัวลดลงไปถึง 24% ขณะที่โตโยต้าปรับตัวลดลง แต่ลดลงน้อยกว่าตลาดโดยรวม ซึ่งหากแยกเซ็กเมนต์ออกมาจะเห็นได้ว่าตลาดกระบะปรับตัวลดลงมากที่สุดถึง 40% ส่วนกระบะของโตโยต้าลดลงน้อยกว่าตลาดรวมกระบะ โดยปัญหาหลักที่กระทบต่อตัวเลขยอดขายของรถกระบะคือความเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อของไฟแนนซ์
“สาเหตุที่รถกระบะโตโยต้าดร็อปน้อยกว่าตลาดกระบะโดยรวม เนื่องจากเรามีโตโยต้า ลีสซิ่ง ช่วยซัพพอร์ต ดังนั้น หากลูกค้าติดปัญหาเครดิตชะงักงัน เช่น เริ่มผ่อนบ้าง ไม่ผ่อนบ้าง ทางโตโยต้าลีสซิ่งก็จะเรียกลูกค้าแต่ละรายเข้ามาเจรจา เพื่อให้ลูกค้าสามารถมีศักยภาพในการผ่อนต่อไปได้”
จากตลาดรวมที่แต่ละเซ็กเมนต์มีปัญหาแตกต่างกัน หากสังเกต รถเครื่องยนต์ไฮบริดยังเติบโตอย่างต่อเนื่องแตกต่างจากเซ็กเมนต์อื่นๆ จึงจะเห็นได้ชัดว่า โตโยต้า ยาริส ครอส และมิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส มียอดขายเติบโตเป็นที่น่าพอใจ
จากการคาดการณ์ตลาดรวมรถยนต์ปีนี้ ในช่วงต้นปี โตโยต้าประมาณการไว้ที่ราว 800,000 คัน ในช่วงเดือนเม.ย.ปรับตัวเลขประมาณการลดลงเหลือ 730,000 คัน และมาถึงปัจจุบันขอปรับตัวเลขลดลงอีกเหลือ 650,000 คันบวกลบ ซึ่งในการคาดการณ์ตัวเลขตลาดรวมครั้งนี้ มีปัจจัยบวกหลักๆ 2 เรื่อง ได้แก่ รถยนต์ไฟฟ้า เริ่มมีการประกอบและผลิตในไทย หากมีดีมานด์หรือความต้องการซื้ออย่างต่อเนื่อง หรือมีตัวเลขยอดขายที่สูง จะทำให้ตลาดรวมอยู่ที่ 6.5 แสนคันบวก และอีกหนึ่งปัจจัยคือ เรื่องสภาพเศรษฐกิจ หรือมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ หากส่งผลดี จะมีผลในช่วงไตรมาสสุดท้าย ที่จะช่วยให้ระบบเศรษฐกิจโดยรวมปรับตัวดีขึ้น
สำหรับช่วงเวลา 6 เดือนที่ผ่านมา โตโยต้า มีมาร์เก็ตแชร์อยู่ที่ 37.8% สูงกว่าตัวเลขที่ตั้งเป้าไว้ว่ามาร์เก็ตแชร์น่าจะอยู่ที่ 34% ส่วนมาตรการสนับสนุนการผลิตรถยนต์ HEV จะปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตให้อยู่ในระดับคงที่ในช่วงปี 2571-2575 จากเดิมอัตราภาษีจะเพิ่มขึ้น 2% ทุก 2 ปีตามที่บอร์ดอีวีจะนำเสนอครม.นั้น ในส่วนของโตโยต้าก็มองว่าเป็นนโยบายที่ดีที่จะสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทย และโตโยต้าก็ศึกษาเพิ่มเติมกับพาร์ทเนอร์ รวมถึงซัพพลายเออร์ เนื่องจากตลาดในเมืองไทยพอเห็นภาพการเติบโตของรถยนต์ไฮบริดแล้ว แต่พาร์ทของต่างประเทศก็อาจจะต้องดูว่าจะเป็นอย่างไร และมีการผลิตเพื่อการส่งออกได้หรือไม่
ทั้งนี้ โตโยต้า ยังได้วางแผนกระตุ้นตลาดรถยนต์ปลายปีนี้ด้วยการเปิดตัว โตโยต้า คัมรี่ ใหม่ ส่วนรถกระบะ ดับเบิ้ลแค็บ บีอีวี นั้น คาดว่าจะมีแผนเปิดตัวในปีหน้า