โซ่หลุด ฉบับ 994 บทสรุป… “คนบริษัท” ด้วย…รักและผูกพัน ส่งผ่านให้ “คนสื่อ”
ยอมรับ…ความเป็น “โซ่หลุด” วันนี้ แตกต่างจากวันวานแบบชัดเจนยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นเพราะผลพวงแห่งโลกการสื่อสาร และผลพวงแห่งวิกฤติโควิด-19 เป็นการเปลี่ยนแปลงที่เหมือนจะทำให้โลกของการสื่อสารเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม การสื่อสารที่ไม่ได้เจอะเจอตัวเป็นๆ เจอะเจอกันผ่านหน้าจอสี่เหลี่ยม สิ่งที่เห็นชัดเจนยิ่งคือการผูกพัน ความสนิทสนม โดยเฉพาะระหว่าง “คนบริษัท” กับ “คนสื่อ” ที่ใช้การสื่อสารที่แตกต่างจากวันวานโดยสิ้นเชิง เห็นชัดเจนยิ่ง…เป็นความห่างเหินกัน การสื่อสารผ่านหน้าจอสี่เหลี่ยม การสื่อสารผ่านตัวหนังสือนั้น รู้สึกได้ว่าไม่ผูกพัน ไม่จริงใจ
ในห้วงเวลาแห่งวิกฤติและการเปลี่ยนแปลง “โซ่หลุด” กล้าพูดได้ว่า เป็น “คนสื่อ” ที่มีความใกล้ชิดและผูกพันกับ “คนบริษัท” มากที่สุด ยังไม่ค่อยได้เจอะเจอกัน หรือแม้กระทั่งการจะกริ๊งกร๊างหากันยังเป็นเรื่องยาก สิ่งที่รู้สึกได้เลยว่า “คนบริษัท” ที่เคยรู้จัก เคยผูกพัน หายไปเยอะพอสมควร การติดต่อสื่อสารที่ว่ายากอยู่แล้ว ยิ่งยากขึ้นไปอีก ทั้งๆ ที่…ได้พยายามที่จะสื่อสาร ด้วยเป้าหมายอยากได้ข้อมูล อยากได้ข่าวคราวของคนบริษัท แต่ก็มีปัญหาด้วยเพราะข้ออ้าง…ติดประชุม แล้วเครียด สุดท้ายก็ไม่ได้ติดต่อกัน เพราะเครียดจนลืม
อีกความแตกต่าง นั่นคือ “ท่อน้ำเลี้ยง” ที่ต้องบอก “คนบริษัท” ถูกตัดทอนจนแทบจะกลายเป็นท่อตัน ก้อ…อย่างที่ “โซ่หลุด” เคยเขียนไว้…ภายใต้เจแปนคอนโทรลนั้น เรื่องที่ง่ายก็จะยาก เรื่องที่ยากก็จะยิ่งยากกว่า แต่ก็ยังเชื่อ…ในความผูกพันของ “คนไทย” ที่รับรู้ถึงเส้นทางที่เคยช่วยเหลือเกื้อกูลกันมา พยายามที่จะทะลวงท่อน้ำเลี้ยงไม่ให้อุดตัน แต่จะไหวหรือไม่ จะมีส่งผ่านถึง “คนสื่อ” ได้มากน้อยเพียงใด ได้แต่คาดหวังว่าจะดีกว่าช่วงวิกฤติโควิด-19 เพราะ “โซ่หลุด” อยากฝากถึง “นายญี่ปุ่น” ความรักความผูกพันระหว่าง “คนสื่อ” กับ “คนบริษัท” นั้น ผูกพันมาอย่างยาวนานแล้ว
ยังไง… “โซ่หลุด” ก็คงต้องฝากความหวังไว้ที่ “คนไทย” นั่นแหละ จะสามารถทำให้ “นายญี่ปุ่น” นั้น เข้าใจคำว่ารักและผูกพันได้หรือไม่ เพราะวันที่โลกของการสื่อสารเปลี่ยนแปลง “คนสื่อ” ก็ยากที่จะอยู่ได้แบบที่เคยผ่านมา เขียนยังงี้…มิใช่เพราะ “โซ่หลุด” มีปัญหากับ “คนบริษัท” เพียงแต่ห่วงใย “คนสื่อ” ด้วยกัน อยากให้ทุกคนสามารถดำรงอยู่ให้ได้
อยากให้เป็นรักและผูกพัน ที่แนบแน่นเหมือนเดิม