“ยามาฮ่า” เดินหน้าเต็มสูบ ตั้งเป้าชิงส่วนแบ่งตลาด 16.5%
“ไทยยามาฮ่ามอเตอร์” ปลื้มยอดขายปี 2565 โต 6.9% ด้วยยอดขาย 284,000 คัน เดินหน้ารุกตลาดรถจักรยานยนต์ไทยต่อเนื่อง คาดปี 2566 ตลาดรวมเท่ากับปีที่ผ่านมา ตั้งเป้าส่วนแบ่งตลาดเป็น 16.5% มั่นใจสินค้าครองใจชาวไทยครบทุกเซ็กเมนต์ พร้อมเสริมแกร่งผู้จำหน่าย ขยายโชว์รูปแบบใหม่ เพิ่มเป็น 170 แห่งในปีนี้ มุ่งสร้างความเป็น Premium Brand
มร.ทัตสึยะ โนซากิ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า กล่าวว่าถึงความสำเร็จของยามาฮ่าในปีที่ผ่านมาว่า “ประเทศไทยเป็นหนึ่งในตลาดที่สำคัญ และทุกหน่วยงานมีความมุ่งมั่นทำงานร่วมกับยามาฮ่า ประเทศญี่ปุ่น วางแผนและพัฒนาสินค้าออกมาอย่างดีที่สุด แม้จะมีปัจจัยเรื่องความไม่แน่นอนของสินค้าที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงปัญหาการขาดแคลนสินค้า ซึ่งเราก็สามารถแก้ไขและสร้างสถานการณ์ให้ดีขึ้น จนสามารถที่จะบรรลุผลประกอบการและยอดขายประจำปีได้ตามเป้าหมาย เรายังคงพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้ตราสินค้ายามาฮ่าในประเทศไทย และยังคงเน้นย้ำในความสำคัญของบริการหลังการขาย ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่จะสร้างความแข็งแกร่งกับความเป็นสินค้าพรีเมียมของเรา และสร้างลูกค้าให้อยู่กับเราไปตลอดชีวิต เชื่อว่าด้วยสินค้าที่เราเตรียมไว้สำหรับปีนี้ และแผนงานที่ได้วางไว้ จะสามารถบรรลุเป้าการขายและส่วนแบ่งการตลาดที่มุ่งหวัง และมุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม เหนือกว่าความคาดหวัง ให้กับลูกค้าทุกๆ คน”
นายพงศธร เอื้อมงคลชัย รองประธานกรรมการบริหาร กล่าวถึงนโยบายของยามาฮ่าในปี 2566 ว่า “ตลาดรถจักรยานยนต์ในปี 2565 ที่ผ่านมา กลุ่มธุรกิจยานยนต์ยังคงได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 พอสมควร รวมทั้งการขาดแคลนชิ้นส่วนในการผลิต ทำให้สินค้าไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด แต่ตลาดรถจักรยานยนต์ยังคงเติบโตขึ้นถึง 11.8% ทำให้มียอดจดทะเบียนอยู่ที่ 1,800,583 คัน ยามาฮ่ายังคงเสริมความแข็งแกร่งด้วยสินค้าและการบริการหลังการขาย จนสามารถสร้างยอดขายได้เพิ่มขึ้น 6.9% มียอดจดทะเบียน 283,903 คัน สามารถชิงส่วนแบ่งการตลาดได้อยู่ที่ 15.8% และกลุ่มรถออโตเมติก โดยเฉพาะ ยามาฮ่า แกรนด์ ฟีลาโน่ ไฮบริด คอนเน็กเต็ด ยังคงแข็งแกร่งและสามารถเติบโตจากปีที่แล้ว ถึง 35% มียอดจดทะเบียน 97,446 คัน และกลุ่มรถครอบครัว ยามาฮ่า ฟินน์ ยังคงได้รับความนิยมและสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง และเติบโตถึง 31% เมื่อเทียบกับปี 2564 จนทำให้มียอดจดทะเบียนสูงถึง 84,871 คัน และยามาฮ่า R15 ยังคงรักษาความเป็นรถสปอร์ตยอดนิยมอันดับ 1 ในรุ่น 150 ซี.ซี. ได้อย่างเหนียวแน่น ขณะที่ศูนย์บริการยามาฮ่ามีอัตราลูกค้ากลับเข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้น นับเป็นความสำเร็จที่ยามาฮ่ามีความภูมิใจในปีที่ผ่านมา”
สำหรับปี 2566 นี้ คาดว่าภาพรวมของตลาดรถจักรยานยนต์จะอยู่ที่ระดับ 1.80 ล้านคัน เท่ากับปี 2565 ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีจากการคาดการณ์เศรษฐกิจ และการลงทุนในปีนี้ของภาครัฐ และการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจเติบโตขึ้น พร้อมกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 มีความเบาบางลงจนเป็นโรคประจำถิ่น ทำให้ภาพรวมของระบบเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในประเทศมีการฟื้นตัว ซี่งเป็นปัจจัยบวกต่อสภาพเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ด้านปัจจัยเสี่ยงยังคงเป็นเรื่องของหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้น การขาดแคลนชิ้นส่วนและวัตถุดิบไม่เพียงพอในบางรุ่น รวมถึงกฎหมายควบคุมดอกเบี้ยเช่าซื้อที่มีผลต่อผู้บริโภค
โดยปี 2566 นี้ ยามาฮ่าตั้งเป้าชิงส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 16.5% หรือประมาณ 295,000 คัน เพิ่มขึ้นอีก 4% เมื่อเทียบจากปีที่ผ่านมา พร้อมเร่งกำลังการผลิต และมุ่งเน้นกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ รวมถึงกลยุทธ์การขายและการตลาด เพื่อที่จะสร้างความแข็งแกร่ง และทำให้ส่วนแบ่งการตลาดเติบโตเพิ่มขึ้น พร้อมยกระดับกลยุทธ์ Branding Direction สู่ความเป็น “Premium Brand” เพื่อสร้าง “Best Customer Experience” ส่งต่อความประทับใจในสินค้าและบริการจนสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์สินค้า จนก่อเกิดเป็น Lifetime Customer ที่สร้างความผูกพันและความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า
ด้าน นายภาณุพล กิตติคำรณ รองผู้จัดการใหญ่ด้านการขายและการตลาด กล่าวถึง Road To Success ว่า “ยามาฮ่าพร้อมเสริมความแกร่ง ด้วยกลยุทธ์สู่ความสำเร็จและสามารถสร้าง Lifetime Customer ซึ่งจะขอเสริมในส่วนของแนวทางการขายและการตลาดในปี 2566 ด้วยการยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าด้วย 6 กลยุทธ์
- เดินหน้าพัฒนา New YAMAHA SQUARE ตั้งเป้าปรับเปลี่ยนโชว์รูมด้วยดีไซน์ใหม่ และทันสมัย จาก 89 โชว์รูมทั่วประเทศในปี 2565 เพิ่มขึ้นเป็น 170 สาขาทั่วประเทศภายในปีนี้ เพื่อยกระดับการขายและการบริการ เพิ่มความประทับใจและความพึงพอใจให้กับลูกค้า
- เสริมความแกร่งพัฒนาบริการหลังการขายในระดับ Pro Care สร้างความแตกต่างของการบริการ และเพิ่มความเชื่อมั่นของลูกค้า ด้วยการวิเคราะห์ปัญหาด้วยเครื่องมือ Yamaha Diagnostic (YDT) ที่ถูกต้องและชัดเจน สามารถเก็บข้อมูลเข้าสู่ระบบ ID Card Reader พร้อมกับการแจ้งเตือนเข้ารับบริการผ่านช่องทาง LINE OA
- พัฒนากิจกรรม Lifestyle กลุ่ม YAMAHA Club เพิ่มกิจกรรมที่ตอบโจทย์และโดนใจของกลุ่มลูกค้ายามาฮ่าที่หลากหลาย พร้อมสนับสนุน Customer Club ในทุกพื้นที่ และสร้าง Community ที่แข็งแรง เพื่อสร้างความประทับใจ และความผูกพัน ตลอดจนสามารถรับสิทธิพิเศษต่างๆ ได้ผ่านทาง Application YAMAHA SMART REWARD
- ยกระดับประสบการณ์ลูกค้า ด้วยการตลาดในรูปแบบ Digital Marketing พัฒนาและสร้าง Online Touchpoint เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสื่อสารกับลูกค้า สามารถวิเคราะห์ความต้องการในด้านต่างๆ ของลูกค้าได้อย่างตรงกลุ่มเป้าหมาย และลูกค้าสามารถติดต่อสื่อสารผ่านระบบ LINE OA พร้อมลิงก์กับ SMART REWARD และ Y-CONNECT ได้อย่างง่ายดาย
- เดินหน้าเสริมความมั่นใจสินค้า และกล้ารับประกันสินค้า 5 ปี หรือ 50,000 กม. และในส่วนของรถจักรยานยนต์ ยามาฮ่า ฟินน์ เรากล้าให้การรับประกัน 5 ปี แบบไม่จำกัดระยะทาง เพิ่มความเชื่อมั่นในการตัดสินในซื้อสินค้า เพื่อที่จะได้รับการบริการที่ดีเยี่ยม
- เดินหน้าการตลาดเฉพาะกลุ่ม โดยใช้กลยุทธ์ให้เหมาะสมในแต่ละเซ็กเมนต์ เพื่อให้ตรงกับความต้องการ และเข้าถึงลูกค้า พร้อมทั้งเสริมความแข็งแกร่งในกิจกรรมทั้งก่อนและหลังการขาย ให้ครอบคลุมครบทุกพื้นที่ทั่วประเทศ โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่มเซ็กเมนต์ ได้แก่
กลุ่มลูกค้ารถสปอร์ต เน้นไปที่การเจาะกลุ่มในแต่ละพื้นที่ พร้อมเสริมเรื่องสินค้าอะไหล่ตกแต่ง รวมทั้งกิจกรรมที่ส่งเสริม และสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้า
กลุ่มลูกค้ารถออโตเมติก เน้นการขยายตลาดแนวกว้าง ครอบคลุมทุกจังหวัด โดยขยายจากตัวเมืองใหญ่ เสริมด้วยกิจกรรมไลฟ์สไตล์มาร์เก็ตติ้ง และสร้างความเป็น Community ให้ใหญ่ขึ้น
กลุ่มลูกค้ารถครอบครัว ขยายตลาด mass ให้ครอบคลุมทั่วทุกพื้นที่ มีรถจัดแสดงในทุกจุด และเติมเต็มกิจกรรมทั้งหน้าร้านและนอกร้าน โดยร่วมมือกับร้านผู้จำหน่ายทั่วประเทศ
ทั้งนี้ ไทยยามาฮ่ายังคงมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและบริการที่ดี และสร้างความมั่นใจสู่ความเป็น “Premium Brand” รวมทั้งเสริมสร้างกิจกรรมที่หลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการและความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้าทั่วประเทศ