“ฮอนด้า” เจาะตลาดเอสยูวี ส่ง “WR-V” เปิดตัว 10 มี.ค.
ฮอนด้า คอนเฟิร์มเตรียมส่งเอสยูวีรุ่นใหม่ เจาะตลาดยานยนต์ไทย วันที่ 10 มีนาคมนี้ ด้วยการเปิดตัว “WR-V” พร้อมเปิดราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันเดียวกัน และเปิดรับจองในงานมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 44 ในปลายเดือนมีนาคมนี้
วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2566 รายงานจากบริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า เป็นที่แน่นอนแล้วว่า ฮอนด้าพร้อมเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่อย่าง ฮอนด้า ดับเบิลยูอาร์-วี (Honda WR-V) อย่างเป็นทางการในประเทศไทย หลังจากเปิดตัวรถรุ่นนี้ครั้งแรกในโลกที่ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายนปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ฮอนด้า มีแผนจะเปิดตัว Honda WR-V ในประเทศไทย วันที่ 10 มีนาคม 2566 ก่อนนำรถเข้าจัดแสดงและรับจองในงานมอเตอร์โชว์ 2023 สำหรับรถรุ่นนี้จะเป็นการนำเข้ามาจำหน่ายจากฐานการผลิตของฮอนด้าที่ประเทศอินโดนีเซีย เช่นเดียวกับ Honda BR-V โดยรถรุ่นนี้ได้รับการวิจัยและพัฒนาจากศูนย์ R&D ในประเทศไทย
สำหรับเวอร์ชันที่จำหน่ายที่ประเทศอินโดนีเซีย มีสเป็กคร่าวๆ ด้วยขนาดมิติตัวถัง ยาว 4,060 มิลลิเมตร
กว้าง 1,780 มิลลิเมตร สูง 1,608 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ wheelbase 2,485 มิลลิเมตร ระยะต่ำสุดถึงพื้น Ground Clearance 220 มิลลิเมตร ที่เก็บสัมภาระด้านท้าย 380 ลิตร ขุมพลังเครื่องยนต์ เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร DOHC 16 วาล์ว 1,496 ซี.ซี. ให้กำลังสูงสุด 121 แรงม้า ที่ 6,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 145 นิวตันเมตร ที่ 4,300 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ CVT รองรับน้ำมัน E20 ขับเคลื่อนล้อหน้า
ขณะที่ออปชันอุปกรณ์มาตรฐานของ ฮอนด้า ดับเบิลยูอาร์-วี (Honda WR-V) เวอร์ชันอินโดนีเซีย มาพร้อมไฟหน้า Full LED เปิด-ปิดอัตโนมัติ ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน LED ไฟเลี้ยว Sequential LED ไฟตัดหมอก LED
กระจกมองข้างปรับ-พับอัตโนมัติ ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว เบาะนั่งหุ้มหนังสลับผ้าแบบปรับมือ พวงมาลัยและหัวเกียร์หุ้มหนัง
และกุญแจ Smart Key พ่วงระบบ One Push Ignition System ระบบ Remote Engine Start และระบบปรับอากาศอัตโนมัติ
แผงคอนโซลติดตั้งจอแสดงข้อมูลการขับขี่ TFT ขนาด 4.2 นิ้ว เครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว Bluetooth
ลำโพง 6 ตำแหน่ง กล้องมองหลัง Multi-angle View กล้องมองภาพมุมอับสายตา Honda LaneWatch
ขณะที่ออปชันเทคโนโลยีระบบความปลอดภัย อาทิ Honda Sensing ระบบควบคุมเสถียรภาพ VSA ระบบไฟกะพริบฉุกเฉิน ESS และระบบ Walk-away Auto Lock จุดยึดเบาะนั่งเด็ก ISOFIX เข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุด 4 ตำแหน่ง และแบบ 2 จุด 1 ตำแหน่ง และถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง (คู่หน้า, ด้านข้าง, ม่านถุงลม)
สำหรับแผนการตลาดของรถยนต์รุ่นนี้ ทางฮอนด้า น่าจะมุ่งเป้าไปที่กลุ่มลูกค้าที่ต้องการมองหารถครอสโอเวอร์ราคาเข้าถึงง่าย ให้ความคุ้มค่าในแง่ของการใช้งานรถยนต์อเนกประสงค์ โดยราคาคาดการณ์ของรถครอสโอเวอร์รุ่นใหม่ที่จะเข้ามาทำตลาดน่าจะเคาะราคาเริ่มต้นใกล้เคียง BR-V ในปัจจุบัน