“BMW” ปูพรมรถใหม่ สานต่อแชมป์รถหรู 4 ปีติด
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภคด้วยกองทัพรถใหม่ภายใต้แบรนด์บีเอ็มดับเบิลยู, มินิ และ บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด สร้างความคึกคักให้กับตลาดรถหรูในช่วงต้นปี สานต่อบทบาทผู้นำตลาดพรีเมียมคาร์ หลังครองบัลลังก์เป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน ด้วยยอดจดทะเบียน 15,477 คัน ในปีที่ผ่านมา เติบโตขึ้น 3% จากปีก่อนหน้า
ภาพรวมของตลาดรถหรูในปีที่ผ่านมาหดตัวลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับทิศทางของอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทย โดย บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ยังคงครองบัลลังก์แชมป์เป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน ด้วยยอดจดทะเบียนภายใต้แบรนด์บีเอ็มดับเบิลยู และมินิ รวมทั้งสิ้น 15,477 คัน เติบโตเพิ่มขึ้น 3% จากปีก่อนหน้า โดยเฉพาะกลุ่มยานยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ของบีเอ็มดับเบิลยู ที่มีอัตราการเติบโตสูงกว่า 348% รวมถึงรถยนต์ในกลุ่มลักชัวรี่ คลาส ที่เติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 46%
โดย มร.อเล็กซานเดอร์ บารากา ประธานและซีอีโอ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า “บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนานวัตกรรมยานยนต์แห่งอนาคต ซึ่งการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชั้นแนวหน้า การส่งมอบบริการระดับคุณภาพ และแนวทางในการดำเนินธุรกิจที่เน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลางของเราตลอดทั้งปี ส่งผลลัพธ์กลับมาเป็นความไว้วางใจของลูกค้า เรารู้สึกเป็นเกียรติและภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ยังคงเป็นผู้นำในเซ็กเมนต์พรีเมียมคาร์ของประเทศไทยติดต่อกันเป็นปีที่ 4 เรายังให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าที่เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ด้วยรถรุ่นใหม่ถึง 6 รุ่นที่เราได้นำมาเปิดตัวสู่ลูกค้าชาวไทย”
หนึ่งในปัจจัยความสำเร็จของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย มาจากการนำเสนอยานยนต์พลังงานไฟฟ้าและรถยนต์ปลั๊ก-อิน ไฮบริด อย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมียนตรกรรมไฟฟ้าให้ผู้บริโภคเลือกซื้อได้ครบ ทั้งภายใต้แบรนด์บีเอ็มดับเบิลยู, มินิ และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด นอกจากนี้รถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูในกลุ่มลักชัวรี่ คลาส หรือรถยนต์ระดับไฮเอ็นด์ของแบรนด์ ยังคงสร้างผลงานการเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งในตลาดประเทศไทย ด้วยยอดจดทะเบียนในปีที่ผ่านมา ทั้งสิ้น 668 คัน เติบโตขึ้น 46% จากปีก่อนหน้า ตอกย้ำทิศทางการนำเสนอผลิตภัณฑ์ของบีเอ็มดับเบิลยู
ล่าสุด บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย พร้อมต่อยอดความสำเร็จในปีที่ผ่านมา ด้วยทัพยนตรกรรมรุ่นใหม่จำนวนทั้งสิ้น 10 รุ่น ประกอบด้วย บีเอ็มดับเบิลยู iX2 xDrive30 M Sport, บีเอ็มดับเบิลยู 520d M Sport Pro, บีเอ็มดับเบิลยู 530e M Sport Pro, มินิ คูเปอร์ เอส แฮตช์ 3 ประตู Classic Edition, มินิ คูเปอร์ เอส คลับแมน รุ่น Multitone, มินิ คูเปอร์ เอส คันทรีแมน Highlands Edition รวมถึงมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยู R 1300 GS, บีเอ็มดับเบิลยู CE 02 บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 RR และบีเอ็มดับเบิลยู K 1600 B
“และในวันนี้ เรายังคงให้ความสำคัญกับความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าเช่นเดิม โดยได้นำยนตรกรรมใหม่มาเปิดตัวถึง 10 รุ่น จากทั้งแบรนด์บีเอ็มดับเบิลยู มินิ และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ไปจนถึงบริการและสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมที่ลูกค้าสามารถเลือกได้ตามความต้องการ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย จะยังคงมุ่งสู่ความเป็นเลิศไปพร้อมๆ กับผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการและพาร์ทเนอร์ของเราทุกคน เพื่อส่งมอบประสบการณ์ความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้าในประเทศไทยของเรา” มร.อเล็กซานเดอร์ บารากา ทิ้งท้าย
นอกจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งในประเทศไทย บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ยังได้รับการประเมินคะแนนความพึงพอใจของผู้บริโภค (Net Promoter Score-NPS) สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ ทั้งในด้านยอดขายและการให้บริการหลังการขายในปีที่ผ่านมาด้วยคะแนนจากผลการประเมินที่ 94 คะแนน และ 90 คะแนนตามลำดับ ซึ่งมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่า บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจที่เน้นลูกค้าเป็นจุดศูนย์กลาง พร้อมร่วมมือกับเครือข่ายของผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศ เพื่อพัฒนาความพึงพอใจของลูกค้าให้สูงที่สุด รวมถึงบริการที่เยี่ยมยอดที่สุด
ระหว่างปี 2565-2566 บีเอ็มดับเบิลยู ได้จับมือกับผู้จำหน่าย เปิดตัวโชว์รูมโฉมใหม่ในประเทศไทยกว่า 9 แห่ง ภายใต้คอนเซปต์การออกแบบโชว์รูมและศูนย์บริการแบบใหม่ล่าสุด หรือ Retail Next ที่รังสรรค์บรรยากาศในการสัมผัสแบรนด์บีเอ็มดับเบิลยูที่ผ่อนคลายและใกล้ชิดกับลูกค้ามากขึ้น พร้อมเดินหน้าลงทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อยกระดับประสบการณ์ลูกค้าภายใต้คอนเซปต์ Retail Next ในอีกหลายแห่งทั่วประเทศในปีนี้