‘PTG’ อัดงบ 6 พันล้าน ลุยขยายธุรกิจต่อเนื่อง
“PTG” กางแผนปี 66 รับการเติบโตทุกมิติ อัดงบ 5,000-6,000 ล้านบาท ขยายธุรกิจต่อเนื่อง วางเป้าขายน้ำมันผ่านทุกช่องทาง เติบโต 8-12% จากปีก่อน พร้อมเพิ่มสถานีบริการน้ำมันเป็น 2,206 สถานี ขณะที่ธุรกิจ Non-Oil วางเป้ากำไรขั้นต้น 20-30% ของกำไรขั้นต้นรวม
นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เผยว่า “จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและภาคการท่องเที่ยว ในปี 2566 บริษัทได้วางเป้า EBITDA โต 8-12% จากปีก่อน และวางเป้าปริมาณการจำหน่ายน้ำมันผ่านทุกช่องทาง เติบโต 8-12% จากปีก่อน โดยกำหนดงบลงทุน 5,000-6,000 ล้านบาท เพื่อรองรับการขยายธุรกิจ ซึ่งวางแผนขยายสถานีบริการน้ำมันอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2566 คาดว่าจะมีสถานีบริการน้ำมันเพิ่มเป็น 2,206 สถานีบริการ โดยเน้นการขยายตามพื้นที่เส้นทางหลัก และเน้นการปรับปรุงสถานีบริการเพื่อยกระดับคุณภาพสินค้าและบริการ ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ามากขึ้น ขณะที่ธุรกิจ Non-Oil วางเป้าสัดส่วนกำไรขั้นต้นคิดเป็น 20-30% ของกำไรขั้นต้นรวม โดยมุ่งเน้นการเติบโตในธุรกิจก๊าซ LPG ธุรกิจร้านกาแฟพันธุ์ไทย และอื่นๆ โดยธุรกิจก๊าซ LPG ยังคงมองการเติบโตของปริมาณการจำหน่ายก๊าซไว้ที่ระดับ 40-60% จากกลุ่ม Auto LPG ด้วยการยกระดับประสบการณ์ให้แก่ลูกค้าด้วยงานบริการ ส่งเสริมยอดขาย และครองส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 1 ด้วยโครงการ “Taxi Transform” และ “Auto Transform” รวมถึงการใช้กลยุทธ์ทางด้านการตลาดผ่านระบบสมาชิกบัตร PT Max Card เพื่อรักษาและขยายฐานลูกค้า”
ส่วนธุรกิจในกลุ่มก๊าซครัวเรือนและอุตสาหกรรม มุ่งรักษาฐานลูกค้าหลักเดิม และหาฐานลูกค้าใหม่ รวมถึงการนำเสนอโปรโมชันการขาย และการรับรู้แบรนด์ PT แก่ลูกค้า และเน้นการขยายจำนวนสถานีบริการ Auto LPG และ Gas Shop เป็น 574 สาขา จากเดิมที่มีอยู่ 484 สาขาในปี 2565
สำหรับธุรกิจร้านกาแฟพันธุ์ไทย ปี 2566 ตั้งเป้าขยายสาขาเป็น 1,500 สาขา จาก 511 สาขา ในปี 2565 ทั้งในและนอกสถานีบริการน้ำมัน มุ่งเน้นขยายสาขาในย่านใจกลางเมือง ย่านธุรกิจที่มีกำลังซื้อสูง ทั้งในเขตกรุงเทพฯ ปริมณฑล เมืองท่องเที่ยว รวมไปถึงหัวเมืองตามจังหวัดต่างๆ รวมทั้งวางแผนในการออกสินค้าที่โดดเด่นและมีเอกลักษณ์แตกต่างจากคู่แข่ง เพื่อสร้างการเติบโตของยอดขาย พร้อมกับวางกลยุทธ์ทางการตลาดและการสื่อสารแบรนด์ผ่านช่องทางเดลิเวอรี เพื่อให้เข้าถึงได้ง่ายทั้งบริการและรับรู้ถึงแบรนด์
นอกจากนี้ ในอนาคตจะมุ่งเน้นการขยายสาขา โดยการขายแฟรนไชส์ 5 รูปแบบ ได้แก่ รูปแบบ Kiosk, Food Truck, Trailer, Build in และ Stand Alone โดยลงทุนเริ่มต้นเพียง 1.25 ล้านบาทต่อสาขา ปัจจุบันได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากตลาด
ส่วนธุรกิจอื่นๆ ภายใต้ธุรกิจ Non-Oil บริษัทวางแผนขยายสาขาและ Touchpoints อย่างต่อเนื่อง โดยมองว่าปี 2566 จะสามารถขยายสาขาเป็น 674 สาขา จาก 531 สาขาในปี 2565 โดยการเพิ่มขึ้นหลักๆ จะมาจากธุรกิจร้านสะดวกซื้อ Max Mart ศูนย์บริการและซ่อมบำรุงรถยนต์ Autobacs และสถานีอัดประจุไฟฟ้า Elex by EGAT Max ที่มองว่าจะสามารถขยายการติดตั้งเพิ่มทั้งสิ้นเป็น 65 สถานีได้ ภายในปี 2566