หลังจากที่ค่ายมาสด้า ได้เขย่าตลาดรถยนต์อเนกประสงค์ในประเทศไทยด้วย มาสด้า CX-8 ภายใต้รูปโฉมของรถเอสยูวี แบบที่นั่ง 3 แถว ซึ่งเป็นทางเลือกเดียวในตลาด มาพร้อมการตอบรับที่ยอดเยี่ยม ด้วยสมรรถนะการใช้งานที่ผสานความอเนกประสงค์และความสะดวกสบายได้อย่างลงตัว ทว่าห้องโดยสารแบบ 6 ที่นั่ง มาพร้อมเบาะกัปตันซีทมีให้เลือกใช้เฉพาะขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซลเพียงเท่านั่น

ก่อนที่ มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย จะเพิ่มความสดใหม่และเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภคด้วยรุ่นปรับโฉมในช่วงกลางปีที่ผ่านมา ยกระดับการใช้งานด้วยกระจังหน้าดีไซน์ใหม่ มีสีเงิน สีดำเปียโน และสี Gun Metallic รวมถึงล้ออัลลอย ขนาด 19 นิ้ว และหลังคา Sunroof เปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า เฉพาะรุ่น 6 ที่นั่ง ทั้งยังได้อัปเกรดฝาท้าย เปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า เพิ่มระบบ Hands-Free Tailgate รองรับ Apple CarPlay เป็นแบบไร้สาย Wireless / Android Auto และเพิ่มที่ชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย

ทั้งยังได้อัปเกรดรุ่นเบาะ 6 ที่นั่ง Power Captain Seats with Lounge เป็นแบบปรับด้วยระบบไฟฟ้า และเปลี่ยนวัสดุตกแต่งภายในห้องโดยสาร เป็น Metal Wood และ Warm Silver เติมเต็มด้วย ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน MRCC : Mazda Radar Cruise Control เป็นแบบ Stop & Go และระบบควบคุมแรงบิดขณะเข้าโค้ง เป็น G-Vectoring Control Plus (GVC Plus) พร้อมเพิ่มสีตัวถังภายนอก สีเบจ Platinum Quartz และสีเทานม Polymetal Grey ปรับราคาเริ่มต้นเพิ่มขึ้น 20,000 บาท

รุ่นที่นำมาลองขับเป็น MAZDA CX-8 รุ่น 2.5 SP EXCLUSIVE 6 ที่นั่ง ที่ถูกเติมเข้ามาใหม่ รูปลักษณ์ภายนอกโดยรวมแล้ว ต่างจากรุ่นเดิมไม่มากนัก ดูภูมิฐานขึ้น ด้วยการออกแบบกระจังหน้าใหม่ เล่นสีดำเปียโน โดยรุ่นต่ำสุดเล่นสีเงิน และรุ่นท็อปสุดเพียงรุ่นเดียวที่เล่นสี Gun Metallic ล้ออัลลอยขยับเป็น 19 นิ้ว แต่เท่าที่เทียบกับรุ่นเดิม ลายยังคงเหมือนกัน มาคู่กับยางขนาด 225/55R19 มีหลังคาซันรูฟแบบไฟฟ้า ไฟหน้าโปรเจกเตอร์ LED พร้อมระบบเปิด-ปิดและปรับระดับสูง-ต่ำ อัตโนมัติ ส่วนท้ายยังคงรูปลักษณ์เหมือนเดิม ไฟท้ายแบบ LED Signature

ภายในห้องโดยสารมีทั้งแบบ 7 ที่นั่งและ 6 ที่นั่ง สำหรับรุ่น SP EXCLUSIVE จะมาในรูปแบบ 6 ที่นั่ง เบาะนั่งแถวที่ 2 เป็นแบบ Captain Seat แยกที่นั่งออกเป็น 2 ที่นั่ง แยกอิสระ ปรับไฟฟ้า เว้นตรงกลางเป็นทางเดิน ตกแต่งด้วยวัสดุ Warm Silver และสีเงินซาตินโครม เบาะนั่งเล่นโทนสีดำ หน้าปัดและการตกแต่งเหมือนเดิม แค่เพิ่มอุปกรณ์ให้ทันสมัยขึ้น Apple CarPlay เป็นแบบไร้สาย Wireless และ Android Auto นอกนั้นเหมือนเดิม ทั้งมาตรวัดความเร็วแบบดิจิทัล พร้อมจอแสดงผลแบบสี ขนาด 7 นิ้ว จอสี Center Display แบบทัชสกรีน ขนาด 8 นิ้ว ควบคุมด้วย Center Commander อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย Wireless Charger  เครื่องเสียง Bose® รอบทิศทาง พร้อมลำโพง 10 ตำแหน่ง มี USB สำหรับชาร์จไฟบริเวณเบาะนั่งแถวที่สาม มีม่านบังแดดที่ประตูคู่หลัง

เครื่องยนต์มี 2 แบบ คือ ดีเซลและเบนซิน ส่วนรุ่นที่นำมาลองขับเป็นเครื่องยนต์เบนซิน Skyactiv-G 2.5 ลิตร แถวเรียง 4 สูบ 16 วาล์ว DOHC พร้อมระบบวาล์วแปรผันคู่ Dual S-VT ปริมาตรความจุ 2,488 ซี.ซี. กำลังสูงสุด 194 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 258 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที อัตราส่วนกำลังอัด 13.0:1 ระบบส่งกำลังแบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมแมน่วลโหมด Activematic ขับเคลื่อนล้อหน้า

ภาพรวมของ มาสด้า CX-8 2.5 SP EXCLUSIVE นับเป็นการขยับตัวที่น่าสนใจ ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคด้วยความสะดวกสบายที่เพิ่มขึ้น ภายใต้ขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน ที่มีค่าตัวย่อมกว่าเครื่องยนต์ดีเซล ที่เป็นเพียงทางเลือกเดียวสำหรับห้องโดยสารในสไตล์ดังกล่าว แม้จะมาพร้อมระบบขับเคลื่อนล้อหน้า ทว่าเพียงพอต่อการใช้งานในรูปแบบของรถยนต์อเนกประสงค์ในยุคปัจจุบัน ถึงจะไม่ล้ำสมัยสุดแต่ก็นับเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ

รายละเอียดทางเทคนิค

ชื่อรุ่น                                                                               MAZDA CX-8 2.5 SP EXCLUSIVE

มิติตัวรถ ยาว x กว้าง x สูง (มิลลิเมตร)                    4,900 x 1,840 x 1,730

ระยะฐานล้อ (มิลลิเมตร)                                             2,930

ความสูงใต้ท้องรถ (มิลลิเมตร)                                  200

เครื่องยนต์                                                                       เบนซิน 4 สูบ แถวเรียง 16 วาล์ว พร้อมระบบวาล์วแปรผันคู่อัจฉริยะ

ปริมาตรกระบอกสูบ (ซี.ซี.)                                       2,488

พละกำลังสูงสุด (แรงม้า)                                            194/6,000

แรงบิดสูงสุด (นิวตันเมตร)                                         258/4,000

ระบบส่งกำลัง                                                                เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมแมน่วลโหมด

ความจุเชื้อเพลิง (ลิตร)                                                 72

ระบบบังคับเลี้ยว                                                           แร็คแอนด์พิเนียน พร้อมเพาเวอร์ช่วยผ่อนแรงแบบไฟฟ้า

รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด (เมตร)                                         5.8

ระบบเบรก                หน้า                                              ดิสก์เบรก พร้อมครีบระบายความร้อน

หลัง                                              ดิสก์เบรก

ระบบช่วงล่าง           หน้า                                              อิสระแมคเฟอร์สัน สตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง

หลัง                                              อิสระมัลติลิงค์ พร้อมเหล็กกันโคลง

ล้อ                               หน้า/หลัง                                    ล้ออัลลอย ขนาด 19 นิ้ว

ยาง                              หน้า/หลัง                                    TOYO PROXES R46 ขนาด 225/55 R19

ราคาจำหน่าย                                                                  1,699,000 บาท